คาเรล อับราฮัม ทายาทสังเวียนโมโตจีพี รายการ เช็ก กรังด์ปรีซ์ ออกโรงเผยถึงสถานการณ์ไม่มั่นคงของ เบอร์โน เซอร์กิต กับการเป็นเจ้าภาพ โมโตจีพี พร้อมชี้ว่าปีนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ เช็ก กรังด์ปรีซ์ จะอยู่ในปฏิทินการแข่งขัน หากรัฐไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
เบอร์โน เป็นสังเวียนประจำการแข่งขัน โมโตจีพี มานับตั้งแต่ปี 1965 โดยหลุดไปจากตารางการแจข่งขันเพียง 5 ปี คือระหว่างปี 1983-1986 และในปี 1992
สัญญาปัจจุบันของแทร็กสัญชาติเช็กกับ โมโตจีพี นั้นจะสิ้นสุดลงหลังจบปี 2020 และโอกาสที่พวกเขาจะทำสัญญาใหม่ได้ถูกขัดขวาง เมื่อรัฐบาลตัดสินใจลดการสนับสนุนจาก 65 ล้านเหรียญเช็ก ลงเหลือเพียง 39 ล้านเหรียญเช็ก
ทว่า อับราฮัม ผู้ซึ่งมีคุรพ่อเป็นเจ้าของเซอร์กิตแห่งนี้ เปิดเผยข้อมูลว่า เบอร์โน อาจถูกยกเลิกการแข่งขัน โมโตจีพี รายการ เช็ก กรังด์ปรีซ์ ก่อนกำหนด
“มันคือเรื่องจริง ปีนี้อาจเป็น โมโตจีพี ครั้งสุดท้ายของ เบอร์โน” อับราฮัม เผย
“มีหลายปัจจัยที่ซับซ้อนต่อการรักษา โมโตจีพี ไว้ที่ เบอร์โน”
“สิ่งสำคัญคือ การจัดโมโตจีพีในทุกๆ ประเทศนั้น ต้องได้รับความร่วมมือกับภาครัฐ แต่กับรัฐบาลของเรานั้นดูเหมือนจะมีปัญหากว่าที่อื่นๆ นั่นแหละปัญหาหลัก”
“พวกเขาไม่ได้สนับสนุนเพียงพอต่อความจำเป็นของเรา พวกเขาเข้ามา และยื่นมือช่วยเล็กน้อย แต่มันไม่พอ เราต้องการมากกว่านั้น สำหรับอนาคตโดยเฉพาะเรื่องสภาวะด้านการเงิน”
“มันเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย บริษัทเล็กๆ อาทิ โรงแรม ห้างร้านต่างๆ ร้านอาหาร ต่างก็ได้รับเม็ดเงินมหาศาล หรือแม้กระทั่ง แท็กซี ซึ่งเป็นของรัฐบาลและทุกๆ อย่างก็ล้วนแล้วแต่ได้ประโยชน์ทั้งนั้น”
“และหากพวกเขาเป็นคนจ่ายค่าลิขสิทธิ์ พวกเขาก็จะยังคงได้รับเงินมากมายเข้าสู่ประเทศและรัฐบาล แต่หาก เซอร์กิต ต้องเป็นคนแบกรักค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมด เซอร์กิต จะขาดดุลย์ด้านการเงินอย่างมาก และมันก็ไม่ยุตติธรรมเอาเสียเลย”
เมื่อสอบถามถึงการดึงศึก เวิลด์ ซูเปอร์”บค์ แชมเปี้ยนชิพ ให้คัมแบ็กสู่ เบอร์โน หลังถูกแทนที่โดย เฆเรซ ในปีนี้
นักบิดเช็ก กล่าวว่า “มันเป็นเรื่องยากสุดๆ เราต้องการที่จะดึง เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ กลับสู่ เบอร์โน ทว่าก็ต้องมีค่าลิขสิทธิ์พอสมควร และเมื่อคุณจ่ายเงิน ทุกอย่างก็ถึงจะเดินต่อได้”