“มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ยอดนักบิดสาวแกร่งชาวไทยจาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ทำสถิติเป็นนักบิดหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่สามารถคว้าแชมป์ในศึก ซูซูกะ เอ็นดูรานซ์ ได้อย่างยิ่งใหญ่ ขณะสื่อมวลชนญี่ปุ่นให้ความสนใจอย่างมาก ตีข่าวยกย่องแข็งแกร่วไม่แพ้นักบิดชายอกสามศอก
ยอดทีมแข่งไทยอย่าง เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ที่นำโดย “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช นักบิดสาวแกร่งและ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ พร้อมด้วยทีมช่างไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ลงแข่งขันในศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบมาราธอนนานาชาติสุดหฤโหด รายการ ซูซูกะ 4 ชั่วโมง เอ็นดูรานซ์ เรซ 2019 เมื่อวันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ สนาม ซูซูกะ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น โดยนับเป็นการเข้าร่วมแข่งขันเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
มุกข์ลดา ที่ร่วมงานกับ ปิยวัฒน์ และทีมช่างชาวไทย สร้างความสำเร็จครั้งใหญ่ให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ด้วยการคว้าแชมป์ในศึก ซูซูกะ 4 ชั่วโมง เอ็นดูรานซ์ เรซ มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกับสร้างสถิติเป็นทีมแข่งไทยล้วน ที่มีสมาชิกทุกคนของทีมทั้งนักบิด, ทีมช่าง และทีมบริหารเป็นคนไทยสามารถคว้าชัยชนะในรายการนี้ได้
ขณะเดียวกันอีกหนึ่งสถิติที่สร้างความฮือฮาให้กับสื่อมวลชนชาวญี่ปุ่นอย่างมาก คือ มุกข์ลดา เป็นนักบิดหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่สามารถคว้าแชมป์ในการแข่งขัน ซูซูกะ เอ็นดูรานซ์ พร้อมกับถูกยกย่องว่ามีความแข็งแกร่งไม่แพ้นักบิดชายคนใด ผ่านการเผยแพร่ข่าวสารตามสื่อแขนงต่างๆ ของประเทศญี่ปุ่น
มุกข์ลดา เปิดเผยว่า “ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ที่ไว้วางใจให้ มุกข์ ได้ลงแข่งขันในรายการนี้อย่างต่อเนื่อง ถ้าไม่ได้รับโอกาสดีอย่างนี้คงไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ เราต้องยกเครดิตทั้งหมดให้กับทีมช่างคนไทย ที่ทำงานกันอย่างหนักในการพัฒนารถแข่ง และมีระบบการทำงานที่ยอดเยี่ยม ทำให้ มุกข์ และน้องฟิล์ม (ปิยะวัฒน์) ลงบิดได้โดยปราศจากปัญหาใดๆ”
“การคว้าแชมป์ครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าคนไทยไม่แพ้ชาติใด เราพัฒนาและยกระดับขึ้นมาจนกลายเป็นทีมชั้นนำของเอเชีย และความแชมป์กลับไปฝากชาวไทยได้สำเร็จ กุญแจสำคัญคือทีมเวิร์กที่เราสร้างขึ้นมาได้อย่างลงตัว เราขอมอบแชมป์ครั้งประวัติศาสตร์นี้ให้กับแฟนๆ ชาวไทย และจะไม่หยุดพัฒนาเพื่อให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง” มุกข์ลดา เผย
ด้าน ปิยวัฒน์ กล่าวว่า “ดีใจมากครับ ปีนี้ทุกอย่างลงตัวมาก รถแข่งสมบูรณ์แบบ ทีมช่างของเราทำงานกันอย่างหนัก ต้องชื่นชมทุคนในทีมจริงๆ ส่วนตัวผมเองก็ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ในสนามไม่ได้แข่งกับใครเลยครับ ตั้งสมาธิและแข่งกับตัวเองตลอดเวลาทำให้ทุกอย่างออกมาดี อีกหนึ่งปัจจุยสำคัญคือทีมงานของเราทำงานกันได้ดีจริงๆ มีทีมเวิร์คที่ยอดเยี่ยม และทีมเมทที่ขี่ได้ดีมากๆ ทำให้ผมไม่กดดันมากนัก อยากขอบคุณทุกคนที่มีส่วนในความสำเร็จครั้งนี้ ทำให้เราเอาแชมป์กลับไปฝากคนไทยได้”
สำหรับ เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ สามารถคว้าแชมป์ในรายการ ซูซูกะ 4 ชั่วโมง เอ็นดูรานซ์ เรซ 2019 มาครองท่ามกลางสภาพอากาศที่มีฝนตกลงอย่างต่อเนื่องที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเอาชนะคู่แข่งด้วยระยะห่างถึง 2 รอบสนาม และนับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย