ศึก โมโตจีพี 2019 เตรียมดวลความเร็วสนาม 15 ในวันที่ 4-6 ตุลาคมนี้ ในรายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ โดยนับเป็นหนึ่งในสนามท่รี่มีการแซงกันอย่างดุเดือด วันนี้ Motorsportlives.com สำรวจจุดแซงแต่ละโซนมาฝากแฟนๆ กันครับ
สนามช้างฯ มีระยะทางต่อรอบ 4.554 กิโลเมตร เป็นสนามแข่งแบบโมเดิร์นผสมผสานแทร็ก 2 คาแร็กเตอร์ ในแบบ ไฮสปีด และ เทคนิคัล ยากต่อการเซ็ตอัพเป็นอย่างมาก
ทางตรงยาวที่สุด 1 กิโลเมตร ช่วงทอดยาวระหว่างโค้ง 1 ไปถึงโค้ง 3
มีทั้งสิ้น 12 โค้ง ประกอบด้วย 5 โค้งซ้าย และ 7 โค้งขวา
วันนี้เราจะมาเช็กโซนในการแซงของการแข่งขัน โมโตจีพี กันครับ ว่าในเกมที่เข้มข้น เราจะได้เห็นแซงใจจุดไหนบ้าง
Zone 1 : ทางตรง และโค้ง 1
- โซนแรกที่เราจะได้เห็นการแซงกันบ่อยมากคือ ทางตรงก่อนถึงโค้งที่ 1 ซึ่งเป็นการเร่งออกมาจากโค้งสุดท้าย
- บางครั้งมีการแซงในโค้งแรก
- และบ่อยครั้งที่มีการแซงด้วยอัตราเร่งเมื่อเข้าสู่ทางตรงหลังผ่านโค้งแรก
Zone 2 : โค้ง 3
- โค้ง 3 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของ สนามช้างฯ เป็นโค้ง ยู-เทิร์น หรือที่เรียกกันว่า แฮร์-พิน
- โค้งนี้วัดกันที่ใจ… เพราะเป็นโค้งที่รองรับความเร็วสูงสุดของรถแข่งจากทางตรงที่ยาวที่สุดของสนาม
- เป็นจุดที่ต้องใช้เบรกหนักที่สุด เราจะได้เห็นการแซงไลน์ในด้วยการเบรกลึกสุดๆ เพาเวอร์สไลด์สวยๆ เข้าโค้ง
- บางครั้งนักบิดก็อ้อมมาด้านนอก เพื่อหาสมดุลย์รถแข่งที่ดี และเร่งแซงในช่วงออกจากทางโค้ง 3 ได้เช่นกัน
- และแน่นอนว่าในโค้งนี้มักจะมีนักบิดพลาดล้มกันบ่อยครั้ง บางครั้งก็ชนหรือปะทะกันด้วย
Zone 3 : โค้ง 12 (โค้งสุดท้ายตัดสินแชมป์กันไปเลย)
- โค้ง 12 อันลือลั่นของ สนามช้างฯ โค้งหักศอกที่ตัดสินแพ้ชนะของเรซได้เลย
- ในเกมที่เข้มข้น นักบิดมักเลือกที่จะมาวัดกันถึงโค้งนี้แหละครับ…
- แต่การจะแซงในโค้งนี้ได้ คุณจำเป็นต้องเซ้ตความเร็วที่เหมาะสมมาตั้งแต่โค้งที่ 5 เลยทีเดียว
- และจุดสำคัญคือการสร้างบาลานซ์ที่ดีในโค้ง 11 เพราะนั่นหมายความว่าคุณได้หงายไพ่ใยสุดท้ายมาแล้ว
- ทีนี้ก็มาดูกันว่าจะ “รุก” หรือ “รับ” กันอย่างไรเพื่อตัดสินแชมป์ในสนามนั้นๆ
- โค้ง 12 ไม่เพียงมีความสำคัญต่อการตัดสินแชมป์ในรอบสุดท้าย แต่เป็นโค้งสำคัญในการเริ่มเซ็ตความเร็วของในแต่ละรอบด้วยเช่นกัน
เมื่อทราบจุดแซงในโซนต่างๆ แล้ว ก็เตรียมตัวไปเฮให้ลั่นสนามด้วยกันที่ สนามช้าง กับศึก พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ในวันที่ 4-6 ตุลาคมนี้