“เดอะด็อกเตอร์” วาเลนติโน รอสซี่ ดาวบิดอิตาเลียนวัย 40 ปี จาก ยามาฮ่า ออกอาการถอดใจกับชิ้นส่วนใหม่อย่าง ท่อไอเสียคู่ และ สวิงอาร์ม คาร์บอน ไฟเบอร์ จนเลือกที่จะไม่ใช้งานใน โมโตจีพี ที่ โมเตกิ เหตุเพราะไม่มีเวลามากพอในการหาข้อมูล แม้จะมีการทดสอบมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมในการเทสต์ที่ มิซาโน ก็ตาม
ยามาฮ่า เปิดตัวท่อไอเสียแบบคู่ “สไตล์ ซูซูกิ” รวมถึง สวิงอาร์ม คาร์บอน ไฟเบอร์ ที่ถูกร้องขอมานาน เพื่อติดตั้งใน M1 ในการทดสอบที่ มิซาโน โดย รอสซี่ ใช้ชิ้นส่วนสำคัญทั้งสองอย่างนี้ลงแข่งขันที่ ซาน มาริโน, อรากอน และที่ บุรีรัมย์ ด้วย
“ท่อไอเสียแบบคู่” มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การส่งพลังที่สมูธขึ้น ขณะที่ “สวิงอาร์ม คาร์บอน ไฟเบอร์” ซึ่ง รอสซี่ เรียกร้องมาตลอดทั้งปีนี้ ถูกนำมาใช้งานเพื่อปรับปรุงปัญหาอายุการใช้งานของยางที่หมดเร็วเกินไป
อย่างไรก็ดี การถูก มาเวริค บีญาเลส และ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร นักบิดยามาฮ่าแซงขึ้นไป ภายใต้รถแข่งเวอร์ชั่นปกติของ M1 และสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมใน 3 สนามที่ผ่านมา แถม รอสซี่ เองก็ยังคงมีปัญหากับการทำลายยางจำนวนมาก ทำให้เขาเลือกที่จะใช้รถแข่งเวอร์ชั่นปกติลงแข่งขันที่ โมเตกิ เพราะให้เหตุผลว่าไม่มีเวลาในการทำงานที่มากพอสำหรับชิ้นส่วนใหม่ แถมยังต้องพยายามหาความเร็วกับรถแข่งในแต่ละเซสชั่นด้วย
“2 สนามที่ผ่านมา ผมมีปัญหาอย่างหนักกับการยึดเกาะที่ยางหลัง และผมก็เจอปัญหาหนักกว่านักบิดยามาฮ่าคนอื่นๆ” รอสซี่ เผย หลังจบวันแรกด้วยการทำเวลาเป็นอันดับ 5 ในวันศุกร์ที่ญี่ปุ่น
“สำหรับผม โดยเฉพาะ “ท่อไอเสียใหม่” ผมคิดว่าเรายังไม่พร้อมที่จะใช้มันลงแข่งขัน เพราะดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถให้สมรรถนะที่ได้มาตรฐาน”
“เราต้องการเวลามากกว่านี้ แต่โชคไม่ดีที่ตลอดสุดสัปดาห์การแข่งขัน คุณไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก คุณจะต้องพยายามหาสมรรถนะของมันต่อไป เราจะได้เห็นในช่วงทดสอบฤดูหนาว”
“ส่วน สวิงอาร์ม คาร์บอน ไฟเบอร์ สำหรับผมแล้วมันไม่ได้แตกต่างอะไรมากนัก หากเทียบกับเวอร์ชั่นอลูมิเนียม มันไม่ได้เลวร้าย แต่เราตัดสินใจที่จะก้าวไปสู่เวอร์ชั่นอื่น”
แม้จะเลือกหันหลังให้ชิ้นส่วนใหม่ที่ โมเตกิ ทว่า รอสซี่ ก็ชี้ให้เห็นว่า ความพยายามของ ยามาฮ่า ในฤดูกาลนี้คือการสร้างแนวทางการทำงานด้านเทคนิค ให้เท่าเทียบคู่แข่ง หลังจากที่ถูก “ทิ้งห่าง” ออกไปไกลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
“สำหรับผม ในปีนี้ ยามาฮ่า ได้เปลี่ยนแปลงคีย์แมนอย่างมากในโปรเจ็กต์ โมโตจีพี”
“สถานการณ์ในตอนนี้มันแตกต่างออกไป เรามีความรู้สึกไปในแนวทางที่ดี เพราะเรามีวิศวกรหนุ่มๆ ฝีมือดี ที่จะมาขับเคลื่อนโครงการนี้”
“และดูเหมือนว่า ยามาฮ่า ก็เข้าใจมากขึ้นว่าพวกเขาต้องทำอะไร เพื่อกลับสู่เส้นทางลุ้นแชมป์โลก พวกเขาจำเป็นต้องสร้างความพยายามด้านเทคนิค เพราะในช่วงปี 2016-2017 ระยะห่างของเราจาก ฮอนด้า และ ดูคาติ นั้นเริ่มมีช่องว่างขนาดใหญ่”
“แต่มันก็ดี ผมคิดว่าเราต้องการเวลา แต่ก็หวังว่าเราจะสามารถต่อสู้กับคนอื่นๆ ได้มากกว่านี้”