ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร รุกกี้เฟรนช์เต็งแชมป์ มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ จาก ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที กล่าวว่า “หายนะทั้งหมด” ของเขาเกิดขึ้นในรอบแรก ชี้มีปัญหาระบบเบรกที่ล้อหน้า เชื่อว่ามีสาเหตุมาจาก “แรงดันลมยาง” ที่มากเกินไป
นักบิดฝรั่งเศสถูกคาดว่าจะสามารถสร้างโอกาส เพื่อลุ้นคว้าแชมป์ครั้งแรกของตนเองในสุดสัปดาห์นี้ที่ มาเลเซีย เพราะทำผลงานยอดเยี่ยมด้วยเวลาต่อรอบที่เร็วเหนือคู่แข่งคนอื่นๆ นับตั้งแต่รอบซ้อม จนถึงควอลิฟายด้วยการคว้าโพล
อย่างไรก็ดี ในการออกสตาร์ทที่ชุลมุน กวาร์ตาราโร กลับเสียจังหวะจนร่วงลงไปถึงอันดับ 8 ก่อนที่เขาจะสามารถกู้คืนมาได้เพียง 1 อันดับ ด้วยการจบเรซในอันดับ 7
กวาร์ตาราโร สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “วิกฤติทั้งหมด” ของเขาที่ มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ เริ่มต้นในรอบแรกจากการออกสตาร์ทที่เลวร้าย
หลังจากนั้นเขาต้องเจอปัญหาความมั่นใจเกี่ยวกับเบรก เขาพยายามอย่างหนักเพื่อผ่านกลุ่มกลางไปให้ได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อไล่ไปอยู่ในกลุ่มหน้า
“มันเป็นเรซที่ยากจริงๆ” นักบิดเฟรนช์เผย “ผมเจอปัญหาหนักมาก อย่างแรกเลยคือรอบแรกของผมมันพังสุดๆ”
“หลังจากนั้นผมต้องเจอปัญหาในการเบรก เราแทบหยุดรถไม่ได้เลย และการที่จะแซงคนอื่นๆ ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้”
“ผมไม่คิดว่ามันเป็นเพราะการยึดเกาะของแทร็ก เพราะผมเห็นว่า มาเวริค บีญาเลส ทำความเร็วได้ดีมากๆ ตั้งแต่ช่วงต้นเรซ แต่เรากลับเจอปัญหาหนักมากที่ล้อหน้า มันมีอาการสะบัดและไถตลอดเวลา”
“ทุกๆ คนขี่ด้วยการใช้ยางมีเดียมที่ล้อหน้า ดังนั้นตัวเลือกยางนี้จึงโอเค มันจึงเป็นเรื่องแปลกมากๆ เราจำเป็นจะต้องวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่”
เมื่อชี้ให้เห็นถึงการยึดเกาะที่ล้อหน้าที่เขามีปัญหา กวาร์ตาราโร กล่าวเป็นนัยๆ ว่ายางหน้ามีแรงดันลมยางที่ค่อนข้างมาก
“ผมคิดว่ายางหน้าของเรามีแรงดันลมยางที่ค่อนข้างสูง ผมได้รับการตอบสนองเยอะมากจากแรงดันลมยาง และผมคิดว่ามันน่าจะเป็นสาเหตุหลัก เพราะเราสูญเสียประสิทธิภาพในการเบรกไปอย่างมาก”