อเล็กซ์ อัลบอน อังศุสิงห์ นักขับไทยจาก เรดบูลล์ เรซซิ่ง เผยว่ารู้สึก “ท้อแท้” อย่างมากหลังเจอเหตุชลมุนในโค้งแรกของศึก ฟอร์มูล่าวัน รายการ ยูเอส กรังด์ปรีซ์ ทำให้ต้องเข้าพิตและตกไปอยู่บ๊วย แต่ไม่ยอมแพ้ก่อนกอบกู้สถานการณ์จนกลับมาติดท็อป 5
อัลบอน นักขับไทยต้องเจอปัญหาต้องแต่โค้งแรก จากการโดนแซนด์วิชโดย เซบาสเตียน เวทเทล และ คาร์ลอส ซายน์ซ นักขับสแปนิช ซึ่งฝ่ายหลังสะกิดกับ อัลบอน เล็กน้อย ก่อนที่จะต้องปีนขึ้นบนเคิร์บ ทำให้รถแข่งได้รับความเสียหาย จนต้องนำรถเข้าพิตตั้งแต่รอบแรก และเสียเวลาไปกว่า 20 วินาที
“มันเป็นเรซที่ต้องเจอสถานการณ์ที่หลากหลาย และผมก็เจอความยากลำบากเล็กน้อยตั้งแต่ต้นเรซ มันมีทั้งเรื่องที่ดี และน่าผิดหวัง” อัลบอน กล่าวหลังจบการแข่งขัน
“ผมทำได้แค่ขับไปในโค้ง และรู้สึกเหมือนไม่มีช่องไปเลย (ช่วงออกสตาร์ท) ผมเหมือนโดนบีบจากทั้ง 2 ฝั่งแบบ แซนด์วิช เราไม่สามารถตำหนิใครได้ เพราะมีนักขับสามคนเข้าโค้งไปพร้อมกัน นั่นคือสิ่งที่ยากจริงๆ”
“ผมต้องปีนและกระแทกบนเคิร์บ ดังนั้นจึงทำให้พื้นท้องรถได้รับความเสียหาย แถมเรายัง
ต้องเปลี่ยน วิงหน้า ด้วย จึงเสียเวลาในพิตไปมากพอสมควร”
อย่างไรก็ตาม อัลบอน ยังคงสามารถฝ่าวิกฤติในเรซนี้ จนกลับมาคว้าอันดับ 5 ของ ยูเอส กรังด์ปรีซ์ ได้สำเร็จ พร้อมกับรักษาสถิติผลงานกับ เรดบูลล์ ได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการจบการแข่งขันในท็อป 6 ทุกสนาม
“นับเป็นการแข่งขันที่ต้องเรียกว่า เรซแห่งการกู้สถานการณ์” เขา กล่าว
“ผมคิดว่าเราทำงานกันได้ดี ที่สามารถจบเรซด้วยผลงานเช่นนี้ โดยปราศจาก เซฟตี้คาร์ หรือสถานการณ์ใดๆ”
“ผมสนุกมากกับการแข่งขัน ยูเอส กรังด์ปรีซ์ จากการไล่แซงคู่แข่งหลาลครั้งมาก มากเกินกว่าที่ผมคาดเอาไว้ แต่เอาละ มันไม่เลวเลยทีเดียว”
สำหรับ อัลบอน สามารถขยับขึ้นมารั้งอันดับ 6 บนแชมเปี้ยนชิพของศึก ฟอร์มูล่าวัน 2019 หลังผ่านก่อนแข่งขันไปแล้วทั้งสิ้น 19 สนาม เก็บไปทั้งสิ้น 84 คะแนน พร้อมกับคว้าตำแหน่ง นักขับยอดเยี่ยมประจำ ยูเอส กรังด์ปรีซ์ จากการโหวตของแฟนเอฟวันทั่วโลก ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ที่เขาคว้าตำแหน่งนี้