ข่าวการรีไทร์ของ ฮอร์เก ลอเรนโซ สร้างความประหลาดใจให้กับวงการโมโตจีพีอย่างมาก แต่นี่คือการตัดสินใจด้วยความยากลำบาก ในช่วงเวลาที่สิ่งรอบข้างไม่เป็นใจ… วันนี้ Motorsportlives.com รวม 10 โมเมนต์สำคัญในช่วงเวลา 18 ปี ใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ของตำนานหมายเลข 99 มาฝาก… ไปติดตามย้อนรอยด้วยกันครับ…
- เปิดตัวใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์
ฮอร์เก ลอเรนโซ แจ้งเกิดครั้งแรกใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ กับคลาสเล็กสุดอย่าง จีพี125 ในปี 2002 ในวันควอลิฟายของ สแปนิช กรังด์ปรีซ์ ซึ่งตรงกับวันเกิดครบรอบ 15 ปี หลังจากที่ไม่สามารถลงแข่งขันในวันศุกร์ซึ่งเป็นการซ้อมได้ เนื่องจากอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ กับรถแข่ง เดอร์บี ก่อนจะบิดในคลาสนี้ไปจนถึงปี 2004
- ฉายแววแชมป์โลกในคลาส จีพี250
ลอเรนโซ ขยับขึ้นไปแข่งขันในคลาส จีพี250 ในปี 2005 และในปีนี้เองที่เขาเริ่มฉายแววแชมป์โลกให้เห็น ก่อนที่จะสามารถเถลิงแชมป์โลกครั้งแรกให้กับตนเองได้สำเร็จในปี 2006 ในคลาส จีพี250 ด้วยการบิดรถแข่ง อพริเลีย จากนั้น “เดอะร็อคเก็คบอย” สร้างสถิติคว้าโพล 9 ครั้ง และชัยชนะ 9 เรซ คว้าแชมป์โลก จีพี250 เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน
- ขึ้นสู่ พรีเมียร์ คลาส
ลอเรนโซ ที่คว้าแชมป์โลก จีพี250 สองปีติดต่อกัน ฉายแววจน ทีมโรงงงานของ ยามาฮ่า จับเซ็นสัญญาขึ้นมาบิดในพรีเมียร์คลา ร่วมกับทีมเมทอย่าง “เดอะด็อกเตอร์” วาเลนติโน รอสซี่ ในปี 2008 ด้วยสัญญา 2 ปี และออกสตาร์ทอย่างร้อนแรงด้วยการคว้าโพล 3 สนามแรกติดต่อกันที่ กาตาร์, เฆเรซ และ เอสโตริล
- ลิ้มรสชาติชัยชนะ พรีเมียร์คลาส ครั้งแรกในชีวิต
ที่ เอสโตริล ประเทศโปรตุเกส, ลอเรนโซ คว้าโพลเป็นเรซที่ 3 ติดต่อกัน และในสนามนี้เองที่เขาเปลี่ยน โพล ให้กลายเป็นชัยชนะครั้งแรกในพรีเมียร์คลาสของตนเองได้อย่างสะใจ
- แชมป์โลกพรีเมียร์คลาสครั้งแรก
ลอเรนโซ ใช้เวลา 2 ปีในการบ่มเพาะความแข็งแกร่ง จากนั้นเขาก็สามารถพา M1 คู่ใจขยับขึ้นมาคว้าแชมป์โลก พรีเมียร์คลาส ครั้งแรกในชีวิตได้อย่างยิ่งใหญ่ในปี 2010 จากการคว้าชัยชนะทั้งสิ้น 9 สนาม
- แชมป์โลกพรีเมียร์คลาสครั้งที่ 2
ลอเรนโซ กลับมาคว้าแชมป์โลกครั้งที่ 2 ให้กับตนเองได้สำเร็จในปี 2012 จากการคว้าแชมป์ไป 6 สนาม แถมจบเรซด้วยอันดับท็อป 2 ได้ถึง 16 สนาม เว้นเพียง 2 เรซที่ไม่จบการแข่งขันคือที่ แอสเซ่น และ บาเลนเซีย เก็บไปทั้งสิ้น 350 คะแนน - คนเหล็กนามว่า “ฮอร์เก ลอเรนโซ”
ในศึก ดัตช์ ทีที ฤดูกาล 2013 หนึ่งในโมเมนต์สำคัญของ ลอเรนโซ คือการพลาดล้มไฮไซด์อย่างรุนแรงในการซ้อมช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี จนไหปลาร้าข้างซ้ายหัก… จากเหตุการณ์ดังกล่าว ลอเรนโซ ถูกส่งตัวเข้ารับการผ่าตัดด้วยการดามไทเทเนียมที่ บาร์เซโลน่า ทำให้เขาพลาดลงควอลิฟาย ทว่านักบิดสแปนิชกลับมาเข้าร่วมการแข่งขันในวันเสาร์ของ ดัตช์ ทีที ในตอนนั้น ด้วยการออกสตาร์ทจากท้ายแถว ก่อนจะกัดฟันบิดเข้าป้ายในอันดับ 5 เก็บแต้มสำคัญให้ตนเองได้
- แชมป์โลกสมัยที่ 5 และแชมป์โลกพรีเมียร์คลาสสมัยที่ 3
ในปี 2015 นับเป็นการคว้าแชมป์โลกที่ ดราม่า ที่สุดของ ลอเรนโซ จากการขับเคี่ยวกันเองกับทีมเมทอย่าง รอสซี่ แถมยังโดนแซะว่า มาร์ค มาร์เกซ ปั่นป่วนจน รอสซี่ สมาธิแตก ที่ เซปัง และพลาดแชมป์โลกให้กับ ลอเรนโซ ในปีดังกล่าว
- ย้ายออกจาก “ยามาฮ่า” เพื่อหาความท้าทายใหม่กับ “ดูคาติ”
ลอเรนโซ เริ่มเบื่อหน่ายกับบรรยากาศในพิตที่คุกรุ่นระหว่างตัวเอง และ รอสซี่ ซึ่งถือว่าเป็นทีมเมทที่มีความขัดแย้งมากที่สุดคู่หนึ่งของประวัติศาสตร์ โมโตจีพี เลยก็ว่าได้ โดยในปี 2017 นักบิดสแปนิชตัดสินใจย้ายออกจาก ยามาฮ่า เพื่อร่วมงานกับ ดูคาติ กับความท้าทายครั้งใหญ่
และแน่นอนในปี 2017 นี้เองที่เริ่มเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ ลอเรนโซ เขาไม่สามารถคว้าชัยชนะได้เลยแม้แต่สนามเดียว และเป็นปีแรกนับตั้งแต่ปี 2005 ที่เขาไม่สามารถคว้าแชมป์ได้…
ทว่าในปี 2018 ลอเรนโซ ที่ร้องขอให้ ดูคาติ ปรับปรุงรูปร่างของรถแข่ง เดสโมเซดิซี จีพี18 ให้ง่ายต่อการเลี้ยว เขาสร้างความแตกต่างให้ทีมได้อย่างมาก และในปีนี้เองที่ ลอเรนโซ คว้าแชมป์ให้กับ ดูคาติ ได้ถึง 3 ครั้ง คือที่ มูเจลโล, บาร์เซโลน่า และ ออสเตรีย…
- “เรปโซล ฮอนด้า” คว้าท้าทายครั้งสุดท้าย และ “ฝันร้าย” ก่อนรีไทร์…
ในปี 2019 ลอเรนโซ ที่ไม่ได้รับสัญญาจาก ดูคาติ ตัดสินใจย้ายมาร่วมงานกับ เรปโซล ฮอนด้า ต้นสังกัดปัจจุบัน…
หลังจากพลาดล้มอย่างรุนแรงในไทย เมื่อปี 2018 ลอเรนโซ ต้องพักการแข่งขันไปกว่า 2 เดือน ก่อนจะลงทดสอบร่วมกับทีมใหม่อย่าง ฮอนด้า กับรถแข่ง RC213V
ลอเรนโซ ประสบปัญหาอย่างหนักกับการปรับตัวให้เข้ากับ RC213V แม้จะพยายามอย่างหนัก แต่การต้องเปลี่ยนสไตล์ตัวเองมากไป ทำให้เขาพลาดล้มอย่างรุนแรงในการทดสอบที่ บาร์เซโลน่า ก่อนจะล้มโหดๆ อีกครั้งที่ แอสเซ่น ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นฝันร้ายของเขา
ลอเรนโซ มีอาการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังร้าว เขาพักฟื้นกว่า 2 เดือนเศษ พลาดลงแข่งขัน 4 สนาม ท่ามกลางข่าวลือในการรีไทร์ และย้ายทีมกลับไป ดูคาติ แต่นักบิดสแปนิชก็ยืนกรานจะอยู่พิสูจน์ตัวเองต่อจนหมดสัญญา 2 ปี กับ ฮอนด้า
อย่างไรก็ดี ลอเรนโซ กลับมาสู่สนามได้อีกครั้งที่ ซิลเวอร์สโตน แต่ก็ไม่สามารถกลับสู่ฟอร์มเก่งได้แม้แต่น้อย… แถมยังโดนทีมกดดันอย่างหนัก จนนำไปสู่การประกาศรีไทร์สุดช็อกในวันนี้… (พฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2019) ในวัยเพียง 32 ปี ด้วยเวลาโลดแล่นใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ทั้งสิ้น 18 ปี กับการคว้าแชมป์โลกถึง 5 ครั้ง…