ลิน ยาร์วิส บอส ยามาฮ่า โมโตจีพี เชื่อว่าปัญหาในการพัฒนาของ ยามาฮ่า ในฤดูกาลที่ผ่านมาคือ “กลุ่มก้อน” ในการทำงานที่ไม่ค่อยใกล้ชิดกัน แต่ชี้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงภายในครั้งใหญ่ นำไปสุ่เส้นทางการทำงานใหม่ที่ตกต่างจากเดิม
หลังล้มเหลวอย่างหนักกับ แคมเปญรถแข่ง M1 ยามาฮ่า ได้เปลี่ยนแปลงผังการทำงานครั้งใหญ่ในปี 2019
โดย มาเวริค บีญาเลส ที่แม้จะออกสตาร์ทฤดูกาลได้ไม่ดีนัก แต่กลับมาคว้าแชมป์ 2 ครั้งให้กับทีมในปีนี้ รวมถึง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร นักบิดจากทีมแซ็ตเทิลไลต์ที่โดเเดเด่นอย่างมาก ขณะที่ วาเลนติโน รอสซี่ ที่ออกสตาร์ทได้ดีแต่กลับมาแผ่วในช่วงครึ่งปีหลัง
“ผมมองไปที่อันดับของเราในปีที่ผ่านมาที่ บาเลนเซีย และอันดับของเราในปีนี้ พูดตามตรงว่ามันไม่ห่างมากนักจากตำแหน่งที่เราประสบความสำเร็จ” ยาร์วิส เผย
“แต่ผมคิดว่าเรื่องราวในปีนี้มันแตกต่างไปจากเดิมนิดหน่อย เรามีความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในช่วงวินเทอร์ล่าสุด และที่ชัดเจนคือการเปลี่ยนแปลงภายในซึ่งจะนำเราไปสู่เส้นทางใหม่”
“เราได้แก้ไขข้อผิดพลาดของเราในอดีต และนั่นทำให้เราก้าวสูเส้นทางใหม่ ผมคิดว่าพวกคุณน่าจะเห็นได้จากผลงานในช่วงครึ่งปีหลัง”
เมื่อถูกยิงคำถามว่าการเปลี่ยนแปลงภายในดังกล่าวมีผลกับทีมอย่างไรบ้าง, ยาร์วิน กล่าวว่า “ผมสามารถพูดได้ว่ามันคือแนวทางที่เปิดกว้าง และนี่คือความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จริงๆ”
“ปัญหาส่วนหนึ่งของเราคือมี ปัญหาการเมืองภายในบางอย่าง เมื่อใดก็ตามที่คุณมีกลุ่มก่อน และบริษัท คุณต้องใช้ความสามารถทั้งหมดของแต่ละกลุ่มให้สูงที่สุด ทำงานร่วมกัน และผมคิดว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้น”
“เรามีกลุ่มแชสซีส์ที่ทำงานด้านแชสซีส์ และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงกลุ่มเครื่องยนต์ แต่หากการทำงานร่วมกันทั้งหมดใกล้ชิดกันมันจะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม และเพื่อดูว่ารถแข่งออกมาดียังไง มันต้องทำงานร่วมกัน แต่ดูเหมือนว่าเราจะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์นั้น”
“ผมคิดว่าเพราะเรามีปัญหาในบางพื้นที่ ดังนั้นผมคิดว่ามันสามารถไก้ไขได้ง่ายโดยการทำงานให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น เราให้กลุ่มที่ห่างใกลได้ออกความคิดเห็นมากขึ้น และในช่วงฤดูหาวที่ผ่านมาเราได้เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คือการเปิดกว้างมากกว่าเดิม”
“ดังนั้นเราจึงมีแนวทางที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงกับวิศวกร และผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งสำคัญ”
“นั่นคือปุ่มรีเซ็ต วิศวกรส่วนใหญ่ยังเหมือนเดิม แต่การเปลี่ยนแปลงอยู่ในจส่วนของการจัดการ เพื่อให้พวกเขาทำงานในทิศทางที่เปลี่ยนไป และตอนนี้เราเจออะไรบางอย่างที่ดี”