Motorsportlives

“ผมอาจไม่ใช่เบอร์หนึ่ง แต่คือหนึ่งในนักบิดที่ดีที่สุดของโลก” : รอสซี่

“เดอะด็อกเตอร์” วาเลนติโน รอสซี่ [Valentino Rossi] ยอดนักบิดอิตาเลียนวัย 41 ปี เผยว่าเขาอาจไม่ใช่ “เบอร์หนึ่ง” ของประวัติศาสตร์โมโตจีพี [MotoGP] แต่เป็น “หนึ่งในนักบิด” ที่ดีที่สุดของโลก

รอสซี่ ใช้เวลาโลดแล้นในการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกเป็นเวลากว่า 20 ปี โดยเขาเริ่มต้นอาชีพนักบิดในการแข่งขัน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่น จีพี125 ในปี 1996 ก่อนจะสามารถคว้าแชมป์โลกครั้งแรกได้ในปี 1997 

จากนั้นนักบิดอัจฉริยะจาก ตาวุลเลีย ในประเทศอิตาลี ขยับขึ้นไปแข่งในคลาสกลางอย่าง จีพี250 ในปี 1998 ร่วมกับ อพริเลีย ก่อนจะคว้าแชมป์ในคลาสนี้ร่วมกันในปี 1999

“เดอะด็อกเตอร์” คือฉายาที่เขาได้รับ จากการที่มีความฉลาดปราดเปรื่องทั้งในและนอกสนาม 

รอสซี่ ไม่ได้มีเพียงความเก่งกาจในการแข่งขัน และเอาชนะคู่แข่งในแทร็ก แต่เขากลับสามารถให้ข้อมูลรถแข่งที่แม่นยำ พัฒนารถแข่งร่วมกับทีมช่างได้อย่างลงตัว โดย “เดอะด็อกเตอร์” ขยับขึ้นไปบิดในพรีเมียร์คลาสเป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2000

การเดินทางของ รอสซี่ ใน พรีเมียร์คลาสเขาเริ่มต้นกับ ฮอนด้า และคว้าแชมป์โลกร่วมกันในปี 2001, 2002 และ 2003

จากนั้น รอสซี่ ตัดสินใจย้ายออกมาเพื่อหาความท้าทายใหม่ร่วมกับทีมคู่แข่งอย่าง ยามาฮ่า ที่ในขณะนั้นถือเป็นดีลสุดช็อกของโลก โดยนักบิดอิตาเลียนร่วมงานกับ ยามาฮ่า ระหว่างปี 2004-2010 พร้อมกับคว้าแชมป์โลกร่วมกันมาได้ถึง 4 สมัย ในปี 2004, 2005, 2008 และ 2009

ความสำเร็จกับ ยามาฮ่า คือหนึ่งในการตัดสินใจย้ายออกจากทีม ด้วยความหวังในการสร้างชื่อกับทีมแข่งบ้านเกิดอย่าง ดูคาติ โดย รอสซี่ ย้ายไปร่วมงานกับทีมแข่งอิตาเลียนในปี 2011-2012 พร้อมกับความล้มเหลวไม่เป็นท่า ก่อนจะย้ายกลับมาสู่อ้อมกอด ยามาฮ่า นับตั้งแต่ปี 2013 จนถึงปัจจุบัน

รอสซี่ พูดคุยกับ คริสเตียน วิเอรี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติอิตาลี ผ่านทาง วีดีโอ ไลฟ์ ของ อินสตาแกรม ด้วยเรื่องราวชีวิตด้านกีฬาของพวกเขาอย่างออกรส หนึ่งในใจความสำคัญที่ “เดอะด็อกเตอร์” กล่าวคือ

“เขาอาจจะไม่ใช่นักบิดที่เก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์ของ โมโตจีพี แต่ก็มั่นใจว่า ตนเองคือหนึ่งในนักบิดที่ดีที่สุดของโลก” 

อย่างไรก็ดี หลังสิ้นสุดฤดูกาล 2020 รอสซี่ ในวัย 41 ปี จะสิ้นสุดสัญญากับทีมโรงงานยามาฮ่า โดยเจ้าตัวจะยังไม่ตัดสินใจอนาคต ว่าจะยังคงแข่งขันในโมโตจีพีต่อหรือไม่? จนกว่าจะได้ลงแข่งขันในฤดูกาลนี้ เพื่อวิเคราะห์ว่าตนเองยังคงมีความเร็วเพียงพอที่จะคว้าแชมป์ได้หรือไม่

Exit mobile version