“เดอะด็อกเตอร์” วาเลนติโน รอสซี่ [Valentino Rossi] ดาวบิดอิตาเลียนวัย 41 ปี ของ มอนสเตอร์ ยามาฮ่า โมโตจีพี [Monster Yamaha MotoGP] ยอมรับว่า เขามี “ศักยภาพมากขึ้น” ในปีนี้ หลังจากดึงตัว ดาบิด มูโนซ [David Munoz] หัวหน้าช่างคนใหม่มาร่วมงานนับตั้งแต่ช่วง วินเทอร์เทสต์
แชมป์โลกพรีเมียร์คลาส 7 สมัย ประกาศแยกทางกับ ซิลวาโน กัลบูเซร่า เมื่อสิ้นฤดูกาลที่ผ่านมา หลังร่วมงานกันมาตั้งแต่ปี 2014 ด้วยการก้าวมาแทนที่ เจเรมี เบอร์เกส หัวหน้าช่างคู่บุญกว่า 13 ปี ในการล่าความสำเร็จด้วยกัน
โดย กัลบูเซร่า ได้ถูกโยกให้ไปทำงานในทีมทดสอบร่วมกับ ฮอร์เก ลอเรนโซ ส่วน รอสซี่ ได้ดึง ดาบิด มูโนซ มาทำหน้าที่หัวหน้าช่างแทนที่ หลังจากที่เขาทำงานกับ ฟรานเชสโก บันยาญ่า จนช่วยให้คว้าแชมป์โลกโมโตทูในปี 2018
รอสซี่ และ มูโนซ เริ่มต้นร่วมงานกันในช่วง พรี-ซีซั่นเทสต์ที่ บาเลนเซีย และ เฆเรซ และเต็มไปด้วยความขื่นชมกับแนวทางที่ “แตกต่าง” กับหัวหน้าช่างคนใหม่
“เราทำการทดสอบฤดูหนาวด้วยกัน ดังนั้นที่ บาเลนเซีย, เฆเรซ, มาเลเซีย และ กาตาร์ จึงถือว่ามีจุดเริ่มต้นที่น่าประทับใจ และเป็นไปในทิศทางที่ดี” รอสซี่ เผยเมื่อถูกถามถึง มูโนซ
“เขามีแนวทางที่แตกต่างในการทำงาน เพราะ ดาบิด ไม่ได้มีประสบการณ์มากมาย แต่เขาคือคนหนุ่มมากๆ ที่เป็นหัวหน้าช่างเทคนิค”
“ผมรู้สึกดีเพราะเขามีวิธีการที่ดีมาก เขาเป็นคนเงียบๆ และก็เริ่มมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทีมของผม รวมถึงช่างทุกคน”
“บรรยากาศในทีมตอนนี้ดีมากๆ เพราะทุกคนมีความสุขมาก ดังนั้นสิ่งนี้จะช่วยให้เรามีผลงานที่ดี”
“นอกจากนี้ มุมมองด้านเทคนิคของเขาก็พร้อมสำหรับทุกสถานการณ์”
“เขารู้จักรถแข่ง เขาทำงานหนักในช่วงฤดูหนาวเพื่อให้เราพร้อมมากที่สุด และผมเองก็อยากเห็นมากว่าเมื่อลงแข่งขันจริงๆ มันจะออกมาแบบไหน เพราะผมคิดว่าเรามีศักยภาพมากกว่าปีที่ผ่านมา”
มูโนซ ถูกมองว่าก้าวเข้ามาเป็น “คีย์แมน” ในช่วงวินเทอร์เทสต์ ที่ช่วยให้ รอสซี่ตัดสินใจว่าจะแข่งต่อหรือไม่หลังจบฤดูกาล 2020 ด้วยมุมมองใหม่ๆ ที่สามารถปลดล็อกประสิทธิภาพให้ “เดอะด็อกเตอร์” ได้มากกว่าเดิม