คริสเตียน ฮอร์เนอร์ ทีมบอส เรดบูลล์ เรซซิ่ง ออกโรงปกป้อง อเล็กซ์ อัลบอน ลูกทีมชาวไทยที่กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องฟอร์มการขับเมื่อเทียบกับทีมเมทอย่าง แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น โดยชี้ว่าทีมของพวกเขาต้อง “อดทน” และพร้อมที่จะช่วยผลักดันนักขับไทยอย่างเต็มที่
อัลบอน ต้องทำงานภายใต้แรงกดดันมหาศาล เมื่อต้องขับเคียงข้างทีมเมทอย่าง แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น โดยนักขับลูกครึ่งไทย-อังกฤษคว้าอันดับ 4 ในศึก สติเรียน กรังด์ปรีซ์ มาครอง ทว่าไม่สามารถไล่ตามทีมเมทได้เลยในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ย้อนกลับไปในสนามแรกของปี ออสเตรียน กรังด์ปรีซ์ เป็นเรซที่ เรดบูลล์ เรซซิ่ง ไม่จบการแข่งขันทั้งคู่ โดย เวอร์สแท็พเพ่น รีไทร์ไปจากปัญหาอิเล็กทรอนิกส์ช่วงต้นเรซ ขณะที่ อัลบอน มีลุ้นโพเดี้ยมในช่วงท้าย แต่กลับพลาดการฉลองเพราะปะทะกับ ลูอิส แฮมิลตัน ในช่วงท้ายเรซ
ฮอร์เนอร์ ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับ อัลบอน ในการก้าวสู่ทีมซีเนียร์ของ เรดบูลล์ แต่ก็ยืนยันว่านักขับไทยทำได้ดีมาก หากเทียบกับประสบการณ์เพียง 1 ปีกับฟอร์มูล่าวัน
“อเล็กซ์ ยังเด็กมาก” ฮอร์เนอร์ กล่าวในการสนธนากับ มาร์ติน บรันเดิล ผู้บรรยายชื่อดังผ่านทางอินสตาแกรมของ แอสตัน มาร์ติน
“ผมหมายความว่า เขาเพิ่งลงขับให้เราแค่ 11 เรซ และเมื่อผมต้องคิดว่าเขาต้องดวลกับ ลูอิส แฮมิลตัน แล้วด้วย มันจึงเป็นสิ่งที่ดี เอาจริงๆ แล้ว ลูอิส คงไม่คิดว่าจะต้องมาสู้กับ อเล็กซ์ ในจุดๆ นั้นเสียด้วยซ้ำ”
“เขาต้องแบกรับแรงกดดันเพราะมี แม็กซ์ เป็นทีมเมท และผมเองก็คิดว่าเขาจัดการมันได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ เขาคือเด็กหนุ่มที่มีความร่าเริง และเขาจะคิดถึงการแข่งขันของเขาเสมอ”
“และเขาก็ทำมันออกมาได้ดี ผมคิดว่าเราต้องอดทนกับเขา (รอการพัฒนาของ อเล็กซ์) เราพร้อมที่จะโอบบ่าเขา และทำให้เขาแน่ใจว่าจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากทีม”
ขณะเดียวกัน ฮอร์เนอร์ ยังกล่าวถึงปัญหา เรซเพซ (ขีดการต่อสู้) ของ อัลบอน ในช่วงแรกของ สติเรียน กรังด์ปรีซ์ ว่ามาจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับยาง
“ช่วงแรกของเรซเขาลงแข่งด้วยยางซอฟท์ เราค่อนข้างกังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับยางหน้าขวาของเขาที่มีอาการบวม” ฮอร์เนอร์ กล่าว
“ดังนั้น สิ่งที่เขาทำได้คือการบริหารยางให้ดดี เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถขับได้ครบรอบตามแผนที่วางไว้ ก่อนเข้าพิต”
“นั่นหมายความว่าเขาจะต้องห่างออกจากรถที่นำอยู่เรื่อยๆ แต่ทันทีที่เปลี่ยนมาใช้ยางมีเดียม เขาก็กลับสู่เรซเพซที่แท้จริง”
“หากคุณได้ดูข้อมูลการวิเคราะห์ จะเห็นได้ว่า อเล็กซ์ ช้ากว่า วัลเตรี บ็อตตาสแค่รอบละ 0.1 วินาทีเท่านั้น ก่อนที่นักขับฟินน์จะแซง แม็กซ์ ขึ้นไปคว้าอันดับ 2”
“นอกจากนี้ อเล็กซ์ ยังทำงานของเขาได้อย่างดี ในการป้องกันอันดับ 4 จากการไล่ล่าของ เซอร์จิโอ เปเรซ ที่ร้อนแรงมากในช่วงท้ายเรซ”
บรันเดิล ยกประเด็นการปะทะกับ แฮมิลตัน ในสนามแรกมาถาม ฮอร์เนอร์ ว่าเขารู้สึกอย่างไร โดยทีมบอส เรดบูลล์ เรซซิ่ง ยอมรับว่าส่วนตัวเขาเองมองว่า อัลบอน ควรจะรออีกสักนิดก่อนแซงจังหวะนั้น
“อเล็กซ์ รู้สึกว่าเขากำลังได้เปรียบด้วยยางอุณหภูมิยางที่อุ่นกว่า (ยางซอฟท์)” ฮอร์เนอร์ อธิบาย
“เมื่อยางกำลังทำงานได้ดีที่สุด เขาจะต้องแซงให้ได้ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นรีสตาร์ท”
“เขาได้แรงพ่วง (Tow) มาจากโค้ง 4 และเขาก็ตัดสินใจเลือกไลน์นอกด้านซ้าย และเขาบอกกับผมว่าเขาไม่ได้จะแซงในจุดนั้น สิ่งสำคัญคือ อเล็กซ์ แปลกใจว่าทำไม ลูอิส ถึงเบรกเร็วในจุดนั้น เพราะเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มีอุณหภูมิยางที่ได้เปรียบในจุดนั้นเลย”
“และเขาก็บอกว่า : ผมแค่ไม่ได้แตะเบรก และเลี้ยงความเร็วไปเรื่อยๆ ตอนนั้นผมสามารถที่จะรักษาความเร็วในไลน์นอกได้ และขับอ้อมนอกในจุดนั้น เพราะมีการยึดเกาะ (Grib) ที่เพียงพอ”
“เราเห็นการเข้าโค้งจุดนั้นในลักษณะเดียวกันบ่อยมากทั้งใน F2, F3 และในการแข่งขันเอฟวัน ตลอดทั้งสุดสัปดาห์ ดังนั้นผมจึงคิดว่าเขาเร่งที่จะแซงให้สำเร็จมากไปหน่อย”
“เขาควรจะอดทนมากกว่านั้นไหม? มันก็จริง แต่ตอนที่ ลูอิส เบียดเขา ลูอิส เองก็ได้รับการลงโทษ (มันจึงเป็นความผิดของ ลูอิส) แต่โชคไม่ดีเอาเสียเลยสำหรับ อเล็กซ์ ที่ต้องหมุนและหลุดไปถึงบ่อกรวด”
นอกจากนี้ ฮอร์เนอร์ ยังกล่าวถึงความเชื่อมั่นที่ทีมมีต่อ อัลบอน พร้อมกับบอกว่าไม่มีโอกาสเลยที่จะดึง เซบาสเตียน เวทเทล กลับสู่ เรดบูลล์ เรซซิ่ง พร้อมกับมองว่ามันอาจเป็น “การทำลาย” แนวทางของทีมได้
“มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะช่วยเหลือเขาให้กลับสู่ทีม” ฮอร์เนอร์ ระบุ
“แต่แน่นอนว่าเรามีความสัมพันธ์ที่สวยงามกับ เซบาสเตียน เพราะประสบความสำเร็จร่วมกันอย่างมาก แต่ในบ้างครั้งความสัมพันธ์ที่ดี ก็ไม่ได้หมายความว่าจะย้อนกลับไปเป็นแบบเดิม คุณจะต้องเดินไปข้างหน้าเสมอ”
“อย่างที่ผมบอกไปแล้วก่อนหน้านี้ ว่าเราเชื่อมั่นกับนักขับของเราในเวลานี้มาก แม็กซ์ มีรูปแบบที่ชัดเจนของเขาเอง ขณะที่ อเล็กซ์ ยังเด็กมากและกำลังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ พลังของทั้งสองคนนี้ยอดเยี่ยมาก และผมเองคิดว่ามันจะเป็นการไปขัดขวางเส้นทางการเติบโต หากเรามัวยึดติดกับความสำเร็จเก่าๆ”