“เดอะด็อกเตอร์” วาเลนติโน รอสซี่ [Valentino Rossi] จอมเก๋าอิตาเลียนวัย 41 ปี เผยต้องจับมือทีมช่าง ดาวิด มุนยอช กดดัน ยามาฮ่า เพื่อฝ่าการเมืองบางอย่างในการเซ็ตอัพรถแข่ง M1 ก่อนคืนฟอร์มเก่งขึ้นโพเดี้ยมที่ อันดาลูเซีย
จากกริดสจาร์ทอันดับ 4 รอสซี่ สามารถคัมแบ็กสู่โพเดี้ยมได้อีกครั้งในการแข่งขัน โมโตจีพี สนาม 2 อันดาลูเซียน กรังด์ปรีซ์ โดยนับเป็นการขึ้นโพเดี้ยมทั้ง 3 อันดับของนักบิดยามาฮ่า
อย่างไรก็ดี รอสซี่ ก็เริ่มต้นฤดูกาลที่ยากลำบาก จากสนามแรกที่ไม่สามารถหา เรซเพซ ของตัวเองได้เลย จนท้ายที่สุดรถแข่งมีปัญหาจนต้องรีไทร์จากเรซ สแปนิช กรังด์ปรีซ์
รอสซี่ อธิบายว่า เขาและหัวหน้าช่างคนใหม่ในปีนี้อย่าง ดาวิด มุนยอช ต้องพยายามอย่างหนักเพื่ออธิบาย “ข้อเท็จจริง” ให้กับ ยามาฮ่า ฟังเกี่ยวกับการประยุกต์และเบี่ยงเบนการเซ็ตอัพของ กวาร์ตาราโร และ บีญาเลส ใช้
“ไม่ใช่แค่เพียงจบการแข่งขันสนามล่าสุด แต่ส่วนหลังของเรซ (ครึ่งทางหลัง) ตลอดทั้งปี 2019 เราต้องเจอปัญหาอย่างหนัก” รอสซี่ กล่าวหลังได้กลับมายืนบนโพเดี้ยมอีกครั้ง นับตั้งแต่ กรังด์ปรีซ์ ออฟ ดิ อเมริกาส์ เมื่อเดือนเมษายนปีที่ผ่านมา
“ผมช้ามาก และก็ต้องต่อสู้กับรถแข่งอย่างมาก แต่ตอนนี้เราทำงานในทิศทางที่แตกต่างออกไป”
“เรามีงานหนักที่ต้องทำ เพราะกับ ดาวิด แล้ว บางครั้งเราก็ต้องกดดัน ยามาฮ่า เช่นกัน เพราะบางสิ่งมันก็เป็นการเมือง มันคือเรื่องของการเมืองเข้ามาแทรกแซง เราต้องการเปลี่ยนแปลงรถแข่ง และเราก็ไม่ยอมแพ้”
“และหลังจากช่วงเช้าวันศุกร์ (FP1) ผมก็มีฟีลลิ่งที่ดีขึ้น หลังจากนั้นทีมของผมก็ช่วยเหลือผมอย่างมาก เพราะพวกเขามอบแสงที่ปลายอุโมงก์ให้กับผม ด้วยการมอบรถแข่งคันที่แตกต่าง”
“เมื่อคุณขี่รถแข่งสเป็คเดียวกับ ฟาบิโอ และ มาเวริค และพวกเขาสามารถทำความเร็วได้ ดังนั้น ยามาฮ่า คิดว่าผมต้องขี่ให้ได้ในแบบของพวกเขา” นักบิดอิตาเลียนวัย 41 ปี เผย
“แต่พวกเขาจำต้องสนับสนุนผม เพราะผมอยู่ที่นี่ตอนนี้กับทีมโรงงาน และปีหน้าผมจะบิดให้กับ ปิโตรนาส ดังนั้นพวกเขาต้องเชื่อมั่นใจตัวผม เพราะผมคิดว่าแม้ผมจะไม่เร็วกว่า ฟาบิโอ หรือ มาเวริค แต่ผมก็สร้างเรซที่ดีได้”
ขณะที่ ลิน ยาร์วิส ทีมบอสยามาฮ่า เผยว่าความเปลี่ยนแปลงของ รอสซี่ ที่ทำให้สามารถมีผลงานที่ดีได้ใน อันดาลูเซียน กรังด์ปรีซ์ นั่นเป็นเพราะ แชมป์โลก 9 สมัย รู้สึกว่า ยามาฮ่า มอบ “รถแข่งในแบบของเขา” ได้อีกครั้ง