พิต บายเรอร์ บอสใหญ่มอเตอร์สปอร์ตของ เคทีเอ็ม ยืนยันว่าค่ายผู้ผลิตสัญชาติออสเตรียนไม่ได้มีการพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด ท่ามกลางความกังวลของทีมโรงงานคู่แข่ง ว่าพวกเขาจะใช้ “ซูเปอร์เอ็นจิ้น” ลงดวลโมโตจีพีในปีนี้ และ RC16 ปีนี้ก็ไม่ใช่รถแข่งใหม่หมดทั้งคัน

ภายใต้การระบาดอย่างรุนแรงของ โควิด-19 ไปทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อวงการกีฬา และมอเตอร์สปอร์ตก็คือหนึ่งในกีฬาที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด

ส่งผลให้ค่ายผู้ผลิตในโมโตจีพีทั้ง 6 ทีม ลงมติห้ามพัฒนาเครื่องยนต์ในปี 2020 รวมถึงเพิ่มข้อจำกัดในการพัฒนาแอโรไดนามิคแพ็คเกจด้วยนั่นเอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ดี เคทีเอ็ม ที่ยังขึ้นโพเดี้ยมไม่เกินกำหนดของ โมโตจีพี ก็ยังคงได้รับข้องดเว้นในการพัฒนาตลอดทั้งปี จนกว่าจะเข้าสู่สนามแรกของฤดูกาล 2021 แม้พวกเขาจะคว้าชัยชนะได้ถึง 3 ครั้ง จากผลงานของ แบรด บินเดอร์ และ มิเกล โอลิเวียร่า คู่หูนักบิดของทีมโรงงานในปัจจุบัน

เมื่อกำหนดให้ เคทีเอ็ม สามารถพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ได้จนกว่าจะส่งตรวจสเป็กกับฝ่ายเทคนิค โมโตจีพี ก่อนเข้าสู่สนามแรก ส่งผลให้ทีมคู่แข่งอื่นๆ ต่างก็แสดงความกังวลว่า เคทีเอ็ม อาจสร้างเครื่องยนต์ “ซูเปอร์เอ็นจิ้น” ขึ้นมาเพื่อลงแข่งขัน โมโตจีพี 2021

“โดยรวมมันเหมือนคอนเซ็ปต์ของรถแข่งคันเดิม ซึ่งไม่ได้มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่” บายเรอร์ กล่าวถึงรถแข่งที่ถูกมองงว่าอาจใช้เครื่องยนต์ใหม่ของ เคทีเอ็ม

“เราแตะต้องและเปลี่ยนแปลงแค่ชิ้นส่วนบางอย่างเท่านั้น แต่โดยรวมแล้วมันไม่ใช่รถแข่งใหม่ทั้งคัน”

“หากเราใช้ระยะห่างจากคู่แข่งเป็นบรรทัดฐานวนการพัฒนา ตามปกติแล้วเราควรจะสร้างรถแข่งใหม่ทั้งคัน”

“แต่ประการแรกเลย คุณจะต้องใช้กำลังคนจำนวนมากในการทำงาน และเราก็ได้ให้ข้อตกลงกับทุกคนในองค์กรแล้ว ว่าจะเดินหน้าต่อไปโดยใช้ประโยชน์จากรูปแบบเดิมของรถแข่งให้มากที่สุด โดยที่ไม่ทำลายวัสดุที่มีอยู่ให้มากนัก”

“ดังนั้น เราจึงไม่ทีแผนที่จะสร้างรถแข่งใหม่ทั้งคัน และใช้โอกาสนี้ในการสร้างข้อได้เปรียบ”

มิเกล โอลิเวียร่า

บายเรอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เรายึดรูปแบบการทำงานที่รัดกุมภายใต้วิกฤติที่แล้วร้ายที่สุดของค่ายผู้ผลิต ในช่วงการระบาดของ โควิด-19 และ ผู้จัดการทีมของทุกค่ายผู้ผลิตได้โทรหารือกัน ซึ่งพวกเราตัดสินใจที่จะไม่ทำลาย โมโตจีพี เพื่อที่จะปกป้องให้เป็นการแข่งขันที่ทรงคุณค่า”

“แน่นอนเราจะเก็บเครื่องมือต่างๆ ที่เรามีไว้สำหรับอนาคต และไม่ผลาญมันอย่างบ้าคลั่ง”