ไมค์ ไลต์เนอร์ ทีมบอสของ เรดบูลล์ เคทีเอ็ม แฟ็คตอรี เรซซิ่ง ทีม ยืนยันผ่าน MotoGP.com ว่าพวกเขาเดินหน้าพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่เพื่อลุยศึก โมโตจีพี 2021 ก่อนที่จะ “ล็อคสเป็ค” เพื่อส่งให้ฝ่ายเทคนิคตรวจสอบเพื่อใช้ล่าแชมป์ในปีนี้
จากการระบาดของ โควิด-19 ส่งผลให้ทีมแข่งทุกทีมลงมติไม่พัฒนาเครื่องยนต์ โดยจะต้องใช้เครื่องยนต์ของปี 2020 สำหรับรถแข่งในปี 2021 ได้แก่ ซูซูกิ, ยามาฮ่า, ฮอนด้า, ดูคาติ และ เคทีเอ็ม ซึ่งจะมีเพียง อพริเลีย เพียงทีมเดียวที่ยังได้รับอนุญาตให้เดินหน้าพัฒนาเครื่องยนต์ในปีนี้
ขณะที่ เคทีเอ็ม คือทีมโรงงานเดียวในกลุ่ม “บิ๊กไฟว์” ที่ยังคงสามารถพัฒนาเครื่องยนต์ได้จากปีที่ผ่านมา ก่อนจะส่งสเป็คให้ฝ่ายเทคนิคของโมโตจีพี Homologate เพราะเพิ่งจะขึ้นโพเดี้ยมเข้าข่ายทีมโรงงานเต็มตัวในปีที่ผ่านมาเท่านั้น
ในการทดสอบที่ กาตาร์ ครั้งแรกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เคทีเอ็ม ทำผลงานได้ดีที่สุดในการทดสอบเพียงในอันดับ 11 จากการบิดของ มิเกล โอลิเวียร่า นักบิดโปรตุกีสด้วยเวลาต่อรอบตามหลังผู้นำอย่าง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร จากทีมโรงงานยามาฮ่า 0.726 วินาที
ขณะที่ทีมเมทอย่าง แบรด บินเดอร์ จบการทดสอบครั้งแรกในอันดับ 24 ตามหลังผู้นำถึง 2.004 วินาที โดยเขาพลาดล้มไปถึง 2 ครั้ง ส่งผลให้โปรแกรมการทำงานนั้นค่อนข้างรวนกว่าปกติ
โอลิเวียร่า ที่คว้าชัยชนะได้ 2 สนามในปีที่ผ่านมา ก่อนได้รับสัญญาให้ขยับขึ้นสู่ทีมโรงงานในปี 2021 เปิดเผยหลังจบการทดสอบ 2 วันแรกที่ กาตาร์ ว่า
“ผมไม่กังวลนะกับภาพรวมในการทำงานของเราที่ กาตาร์ ในเทสต์ครั้งแรก”
“ตอนนี้ทีมของเราทราบอย่างชัดเจนแล้ว ว่าอะไรคือสิ่งที่จะทำให้เราเร็วขึ้น และตอนนี้ทีมก็มีไอเดีย 2-3 อย่างสำหรับการทดสอบ 3 วันที่เหลืออยู่”
“ในมุมของผม แน่นอนว่าเราอาจจะสูญเสียความเร็วไปบ้าง”
“เพื่อที่จะให้สามารถต่อสู้ในแถวหน้าได้ เราต้องเร็วกว่าตอนนี้ แต่ขณะเดียวกันผมก็แฮปปี้กับรถแข่งแล้วนะ แม้จะยังไม่มากก็ตาม เพราะเราสามารถที่จะบิดอยู่ในความเร็ว 1.54 ได้ ซึ่งถือเป็นเวลาที่เร็วที่สุดที่ผมเคยทำได้ที่ กาตาร์ เร็วกว่าปีที่แล้วด้วย”
“การทำงานในเทสต์ครั้งแรก ถือเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลการทำงานได้ดีสำหรับเรา และเป็นการกลับมาพบปะกับทีมอีกครั้ง”
ภายใต้ความคาดหวังในการต่อสู้บนแชมเปี้ยนชิพของ โมโตจีพี ในปี 2021 ทั้ง โอลิเวียร่า และ บินเดอร์ ต่างพยายามอย่างหนักในการยกระดับรถแข่ง RC16 ในปีนี้ ซึ่งมีพื้นฐานหลักๆ มาจากรถแข่งในปีที่ผ่านมา
โดย โอลิเวียร่า ได้ทดลองติดตั้ง “แอโรแฟริ่ง” 2-3 ดีไซน์ลงทดสอบตลอด 2 วันแรกที่ กาตาร์
“ใช่ครับ โดยรวมแล้วรถแข่งนั้นเหมือนเดิม เรามีเฟรมเดิม, สวิงอาร์มเดิม และ เครื่องยนต์เดิม” โอลิเวียร่า กล่าว
“เราได้ทดลอง แอโรแฟริ่ง 2-3 แบบ เพื่อควบคุมอุณหภูมิที่ล้อหน้า และพยายามสร้างท็อปสปีดให้ได้มากขึ้น ดังนั้น นี่คือเป้าหมายหลักของเราในการทดสอบครั้งแรก”
“นอกเหนือจากนั้น เคทีเอ็ม ก็ไม่ได้ทำอะไรมากนัก มีเพียงการรปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเช่นเดียวกับทุกๆ ทีม อาทิ การปรับปรุงระบบอิเล็กทรอนิกส์ และ ระบบกันสะเทือน โดยรวมแล้วกับรูปแบบหลักๆ ของรถแข่งจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็จะต้องปรับปรุงอีกนิดหน่อย”
วีดีโอที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ยังมีจุดที่น่าสนใจสำหรับ เคทีเอ็ม ในการทดสอบครั้งแรกที่ กาตาร์ นั่นคือ “Hole Shot Device” หน้า-หลัง ซึ่ง โอลิเวียร่า ก็ได้ทดสอบใน 2 วันที่ผ่านมาเช่นกัน
“เราได้ทดลองมันตั้งแต่วันเสาร์กับ “Hole Shot Device” หน้า-หลัง และดูเหมือนว่ามันทำงานได้ดีเลยทีเดียว”
“กับอุปกรณ์ตัวช่วยนี้ มันช่วยให้เราสามารถรักษาตำแหน่งของรถแข่งได้ดีในช่วงออกตัว ไปจนถึงโค้งแรก แต่เราก็ต้องสร้างความมั่นใจด้วยการทดสอบหลายๆ รัน รวมถึงการทดสอบสตาร์ทว่ามันจะมีปัญหาอะไรหรือไม่”
“เป้าหมายของพวกเขาไม่ได้มีเพียงการออกสตาร์ทให้ดีขึ้น แต่มันต้องดีขึ้นเมื่อออกสตาร์ทจากการแข่งขันจริง ท่ามกลางรถแข่งหลายๆ คันรอบตัวคุณ”
ด้าน แบรด บินเดอร์ ซึ่งเป็นผู้คว้าชัยชนะครั้งแรกให้เคทีเอ็มในปีที่ผ่านมา ที่สนาม เบอร์โน ไม่ได้มีฟีดแบ็กอะไรมากมายนักจากการทดสอบครั้งแรก เพราะหลังจากพลาดล้มไป 2 ครั้งในวันเสาร์ เขาก็ต้องเปลี่ยนแผนในการทำงานพอสมควร ซึ่งจะต้องมาดูกันอีกครั้งที่ กาตาร์ ในวันที่ 10-12 มีนาคมนี้
อย่างไรก็ดี จากการที่ เคทีเอ็ม จะยังคงได้รับสิทธิ์ในการอัพเกรดเครื่องยนต์จนกว่าจะส่งล็อกสเป็คในปีนี้ ส่งผลให้พวกเขายังคงเป็นทางที่น่ากลัวในเรื่องนี้
ล่าสุด ไมค์ ไลต์เนอร์ ผู้จัดการทีม เคทีเอ็ม โมโตจีพี ได้ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการว่า เคทีเอ็ม จะมีการพัฒนาเครื่องยนต์ตัวใหม่อย่างแน่นอน แม้จะไม่ใช่ “ซูเปอร์เอ็นจิ้น” ตามที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม
นอกจากนี้ ไลต์เนอร์ ยังยืนยันว่าการพัฒนาเครื่องยนต์จะเสร็จสิ้นทันการส่ง “สเป็ค” ของรถแข่งทั้งหมดให้กับฝ่ายเทคนิคของ โมโตจีพี ทำการตรวจสอบ และ “ล็อคสเป็ค” ก่อนดวลความเร็วในฤดูกาลนี้อย่างแน่นอน
ขณะที่ 2 นักบิดจากทีมแซ็ตเทิลไลต์ของ เคทีเอ็ม อย่าง เทคทรี นั้นก็ทำผลงานในการทดสอบอยู่ในกลุ่มกลาง โดย ดานิโล เปตรุชชี รั้งอันดับ 21 ตามหลังผู้นำ 1.855 วินาที ส่วน อิเคร์ เลกัวน่า ดาวรุ่งสแปนิช รั้งอันดับ 23 ตามหลังหัวแถว 1.933 วินาที