“เดอะด็อกเตอร์” วาเลนติโน รอสซี่ ดาวบิดอิตาเลียนวัย 42 ปี ออกโรงเผยว่า “ขี่ยั้ง” มากเกินไปในรอบสุดท้ายส่งผลให้ผลควอลิฟายได้แค่กริดที่ 9 ชี้แหยงเพราะเกือบล้มช่วงต้น Q2 พร้อมเผยว่าไม่เปลี่ยนยางใหม่เพราะอาจไม่ช่วยอะไร ก่อนลุ้นสร้างผลงานวันอาทิตย์นี้ที่ เลอมองส์
รอสซี่ ปรากฏตัวในรอบ Q2 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ กาตาร์ กรังด์ปรีซ์ โดยตัวเขาและทีมเมทอย่าง ฟรานโก้ มอร์บิเดลลี ตัดสินใจเสี่ยงใส่ยาง “สลิค” ลงมาบิดตั้งแต่รอบแรกที่ออกจากพิต ก่อนที่แทร็กจะแห้งในเวลาต่อมา
รอสซี่ กำลังจะพาตัวเองขึ้นไปอยู่บนตำแหน่งหัวแถวชั่วคราวในรอบที่ 2 ทว่าในโค้งสุดท้าย M1 ของเขาก็สะบัดและเกือบจะล้ม ก่อนจะหลุดลงไปที่บ่อกรววด ทำให้เสียเวลาในรอบนั้นไปอย่างน่าเสียดาย
จังหวะผิดพลาดดังกล่าวทำลาย “ความมั่นใจ” ของ รอสซี่ อย่างมาก และหลังจากนั้นเขาก็ไม่สามารถกดเวลาที่ดีได้เหนืออันดับ 9 ได้เลย
อย่างไรก็ดี รอสซี่ กลับไม่ได้รู้สึกว่าจะได้ประโยชน์อะไรนักที่จะเข้าไปเปลี่ยนางสลิคใหม่อีกชุดเพื่อวิ่งในรันที่ 2 เนื่องจากเงื่อนไขในแทร็กนั้นมีเยอะเกินไป
“กับ ปิโตรนาส ทีม เราได้เลือกอ็อพชั่นที่ถูกต้อง มันคือกลยุทธ์ที่ถูกที่ถูกเวลา” รอสซี่ กล่าว
“โค้ชส่วนตัวของผม (อิดาลลิโอ กาวิรา) แนะนำผมได้ถูกทิศทาง และเราเริ่มต้นจากยางสลิค ซึ่งมันสร้างความได้เปรียบให้เรานิดหน่อย”
“โชคไม่ดีในรอบที่ 2 ผมไปเหยียบแอ่งน้ำในโค้งสุดท้าย และเกือบจะล้ม ดังนั้นมันทำให้ผมเสียความมั่นใจไปพอสมควร โดยเฉพาะในเซ็คเตอร์ที่ 4”
“และในรอบสุดท้ายผมขี่เซฟ (ไปไม่เต็มร้อย) เกินไป ซึ่งถ้าไม่เป็นแบบนั้นเราอาจทำได้ดีกว่านี้”
“สำหรับการจะเปลี่ยนยางสลิคใหม่เพื่อวิ่งรันที่ 2 ผมคิดว่ามันไม่น่าจะช่วยอะไรนัก เพราะผมคิดว่ามันจะดีกว่าหากเราค่อยๆ ปรับปรุงฟีลลิ่งบนแทร็ก ซึ่งตอนนั้นผมเร็วขึ้นแบบรอบต่อรอบ”
“ดังนั้น ผมไม่คิดว่าหากเราเปลี่ยนยางใหม่ลงไปวิ่ง มันจะช่วยอะไรเราเยอะนัก”
วีดีโอที่เกี่ยวข้อง 👇👇👇