เอสเตบัน โอคอน นักขับเฟรนช์ฟอร์มยอดเยี่ยมจาก อัลพีน เอฟวัน ทีม ผงาดคว้าชัยชนะครั้งแรกในปีนี้ให้กับทีมได้สำเร็จ หลังจบเรซสุดดราม่าในศึก ฟอร์มูล่าวัน สนาม 11 ฮังกาเรียน กรังด์ปรีซ์ เหนือ เซบาสเตียน เวทเทล จาก แอสตัน มาร์ติน ขณะ ลูอิส แฮมิลตัน ซิวอันดับ 3 แบบหืดจับหลังโดน เฟอร์นันโด อลองโซ บล็อคสุดเขี้ยว แต่ขยับขึ้นจ่าฝูงได้อีกครั้ง
กริดสตาร์ท ฮังกาเรียน กรังด์ปรีซ์ ในวันอาทิตย์เต็มไปด้วยความคาดหวังของแฟนๆ ที่จะได้ชมเรซสุดเข้มข้น ซึ่งกำหนดดวล 70 รอบสนาม ที่ ฮังการอริง โดยเรซนี้มี ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลกจาก เมอร์เซเดส เป็นเจ้าของโพล ขนาบข้างด้วยทีมเมทอย่าง วัลเตรี บ็อตตาส ในแถวหน้า ส่วนแถวที่ 2 มี แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น และ เซอร์จิโอ เปเรซ จาก เรดบูลล์ เรซซิ่ง ประจำการอยู่ ซึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่ฝนตกลงมาก่อนเริ่มต้นเรซ ทำให้ทุกคนต้องใช้ยางฝนในการออกตัว
ออกสตาร์ทเรซนี้ด้วยความวุ่นวาย เมื่อ บ็อตตาส ที่โดน แลนโด้ นอร์ริส แซงในจังหวะออกตัวก่อนจะพลาดชนท้ายที่โค้งแรก และจากจังหวะดังกล่าวส่งผลให้รถของ นอร์ริส กระดอนไปชน เปเรซ และ บ็อตตาส ไปชน เวอร์สแท็พเพ่น นอกจากนี้ยังมีจังหวะของ แลนซ์ สโตรลล์ ที่เปลี่ยนไลน์มาปีนหญ้า ก่อนแฉลบไปชน ชาร์ลส์ เลอแคลร์ อีกคน
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีนักขับต้องออกจากเรซไปถึง 4 คัน ได้แก่ บ็อตตาส, เปเรซ, เลอแคลร์ และ สโตรลล์ อย่างไรก็ดีหลังธงแดงก็มี นอร์ริส ที่ต้องรีไทร์ไปอีกคน รวมถึง นิกิต้า มาเซปิน ที่โดนตัดหน้าในพิตเลนจนล้อหน้าขวาพัง และไม่จบอีกราย
ดราม่ายังไม่จบ เมื่อเข้าสู่การรีสตาร์ท “แทร็ก” เริ่มแห้งส่งผลให้นักขับทั้ง 13 คน ตัดสินใจเข้าพิตเพื่อเปลี่ยนจากยาง “อินเตอร์มีดิเอต” มาป็น “ยางสลิค” แต่กลับมีเพียง แฮมิลตัน เพียงคนเดียวที่ตัดสินใจไม่เข้าพิต และเป็นนักขับคนเดียวที่ได้ออกตัวจากสัญญาณไฟบนกริดสตาร์ท
ก่อนที่จะเป็น เอสเตบัน โอคอน นักขับเฟรนช์จาก อัลพีน เอฟวัน ทีม ที่ขึ้นเป็นผู้นำ ตามด้วย เซบาสเตียน เวทเทล นักขับเยอรมันจาก อัลฟาโรมิโอ ขณะที่ แฮมิลตัน ต้องไล่จากอันดับสุดท้าย ส่วน เวอร์สแท็พเพ่น ก็ต้องลงไปถึงอันดับ 11 เช่นกัน ส่งผลให้ต้อง “จับตาดู” การไล่ล่าอันดับของทั้งคู่ในเรซนี้
รอบที่ 20 เมอร์เซเพส ตัดสินใจเรียก แฮมิลตัน เข้าพิตเพื่อปรับกลยุทธ์สำคัญและออกไปด้วย “ยางฮาร์ด” ก่อนที่ในรอบถัดมา เวอร์สแท็พเพ่น จะเข้าพิตเปลี่ยนเป็น “ฮาร์ด” เช่นกัน แต่เมื่อมาบรรจบกันกลายเป็น แฮมิลตัน ขึ้นมาเป็นอันดับ 10 ตามด้วย แดเนียล ริคคิอาร์โด นักขับออสซี่จาก แม็คลาเรน ในอันดับ 11 ส่วน เวอร์สแท็พเพ่น ตามอยู่ในอันดับ 12
รอบที่ 33 แฮมิลตัน ขยับแซง ยูกิ สึโนดะ นักขับญี่ปุ่นจาก อัลฟาทาวรี ขึ้นมารั้งอันดับ 5 ได้สำเร็จ โดยในรอบเดียวกัน คาร์ลอส ซายซ์ นักขับสแปนิชจาก เฟอร์รารี่ ที่รั้งอันดับ 3 เข้าพิตเพื่อเปลี่ยนจากยาง “มีเดียม” เป็นฮาร์ดและออกมาอยู่ในอันดับ 4 เหนือ แฮมิลตัน
รอบที่ 37 เวทเทล ที่รั้งอันดับ 2 ตัดสินใจเข้าพิตเพื่อเปลี่ยนจาก “ยางมีเดียม” เป็น “ฮาร์ด” และออกไปอยู่ในอันดับ 3 ขณะที่ อัลพีน เรียก โอคอน เข้าพิตในรอบต่อมาและออกไปด้วยยาง “ฮาร์ด” ในอันดับ 2 เหนือ เวทเทล ขณะที่ อลองโซ เข้าพิตในรอบที่ 40 ก่อนออกมาในอันดับ 5
ช่วง 30 รอบสุดท้าย การชิงตำแหน่งหัวแถวเป็นการไล่บี้ระหว่าง โอคอน ในตำแหน่งผู้นำ ตามด้วย เวทเทล ที่ไล่บี้อย่างหนัก ส่วนอันดับ 3-4 และ 5 เป็นของ ซายซ์, แฮมิลตัน และ อลองโซ ขณะที่ เวอร์สแท็พเพ่น เข้าพิตอีกครั้งในรอบที่ 42 และออกมารั้งอันดับ 12 ด้วยยางมีเดียม
รอบที่ 48 แฮมิลตัน เข้าพิตอีกครั้งด้วยการเปลี่ยนเป็น “ยางมีเดียม” และออกไปรั้งอันดับ 5 ก่อนจะตามไล่บี้ อลองโซ อย่างหนักแต่ก็ไม่สามารถแซงได้ จนกระทั่งมาขยับขึ้นเป็นอันดับ 4 ได้สำเร็จในช่วง 5 รอบสุดท้าย และมาเปิดเกมล่าอันดับ 3 จาก เลอแคลร์ อีกคันในช่วง 4 รอบสุดท้าย
จบการแข่งขันสุดดราม่า 70 รอบสนามของ ฮังกาเรียน กรังด์ปรีซ์ ชัยชนะตกเป็นของ เอสเตบัน โอคอน นักขับเฟรนช์ที่คว้าแชมป์แรกให้กับ อัลพีน เอฟวัน ทีม ในปีนี้ ตามด้วย เซบาสเตียน เวทเทล และ ลูอิส แฮมิลตัน
ส่วนอันดับ 4 เป็นของ ซายซ์ ตามด้วย อลองโซ ขณะที่ ปิแอร์ แกสลีย์ และ ยูกิ สึโนดะ คู่หูจาก อัลฟาทาวรี จบเรซในอันดับ 6-7 ด้าน วิลเลียมส์ ก็ผลงานเยี่ยม นิโคลาส ลาติฟี และ จอร์จ รัสเซลล์ จบเรซอันดับ 9 ขณะที่ เวอร์สแท็พเพ่น ทำดีที่สุดในอันดับ 10
ผลการแข่งขัน
Cla | # | Driver | Chassis | Engine | Laps | Time | Pits | Points |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | 31 | Esteban Ocon | Alpine | Renault | 70 | 3 | 25 | |
2 | 5 | Sebastian Vettel | Aston Martin | Mercedes | 70 | 1.859 | 3 | 18 |
3 | 44 | Lewis Hamilton | Mercedes | Mercedes | 70 | 2.736 | 4 | 15 |
4 | 55 | Carlos Sainz Jr. | Ferrari | Ferrari | 70 | 15.018 | 3 | 12 |
5 | 14 | Fernando Alonso | Alpine | Renault | 70 | 15.651 | 3 | 10 |
6 | 10 | Pierre Gasly | AlphaTauri | Honda | 70 | 1’03.614 | 4 | 9 |
7 | 22 | Yuki Tsunoda | AlphaTauri | Honda | 70 | 1’15.803 | 3 | 6 |
8 | 6 | Nicholas Latifi | Williams | Mercedes | 70 | 1’17.910 | 3 | 4 |
9 | 63 | George Russell | Williams | Mercedes | 70 | 1’19.094 | 3 | 2 |
10 | 33 | Max Verstappen | Red Bull | Honda | 70 | 1’20.244 | 5 | 1 |
11 | 7 | Kimi Raikkonen | Alfa Romeo | Ferrari | 69 | 1 lap | 4 | |
12 | 3 | Daniel Ricciardo | McLaren | Mercedes | 69 | 1 lap | 3 | |
13 | 47 | Mick Schumacher | Haas | Ferrari | 69 | 1 lap | 3 | |
14 | 99 | Antonio Giovinazzi | Alfa Romeo | Ferrari | 69 | 1 lap | 5 | |
dnf | 9 | Nikita Mazepin | Haas | Ferrari | 3 | 3 | ||
dnf | 4 | Lando Norris | McLaren | Mercedes | 2 | 2 | ||
dnf | 11 | Sergio Perez | Red Bull | Honda | 0 | |||
dnf | 18 | Lance Stroll | Aston Martin | Mercedes | 0 | |||
dnf | 16 | Charles Leclerc | Ferrari | Ferrari | 0 | |||
dnf | 77 | Valtteri Bottas | Mercedes | Mercedes | 0 |