เซปัง เรซซิ่ง ทีม (SRT) ตกเป็นกระแสข่าวใหญ่ว่าอาจจะต้องขายทีมให้เจ้าของรายใหม่ หลังยืนยันอย่างเป็นทางการเตรียม “แยกทาง” กับสปอนเซอร์รายใหญ่อย่าง ปิโตรนาส หลังสิ้นฤดูกาล 2021 ของ โมโตจีพี
เมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา เอสอาร์ที ยอดทีมแข่ง เวิลด์กรังด์ปรีซ สัญชาติมาเลเซียน ออกแถลงการณ์ยืนยันแยกทางกับ “ปิโตรนาส” (Petronas) ผู้ผลิตน้ำมันยักษ์ใหญ่ของประเทศมาเลเซีย ในฐานะ “ไตเติ้ลสปอนเซอร์” ของทีมหลังสิ้นฤดูกาล 2021 ของ โมโตจีพี โดยทีมเปิดเผยว่าจะเปิดเผยแผนงานในอนาคตภายในการแข่งขันสนามถัดไปที่ ซิลเวอร์สโตน
เอสอาร์ที ขยายสัญญากับ ดอร์น่า สปอร์ตออกไป 5 ปี ในฐานะทีมอิสระ ระหว่างฤดูกาล 2022-2026 นั่นหมายความว่าพวกเขาการันตีพื้นที่กริดสตาร์ทในโมโตจีพีออกไปแล้ว ทว่าสัญญาของ เอสอาร์ที กับ ยามาฮ่า จะสิ้นสุดลงหลังจบการแข่งขันฤดูกาล 2021
ขณะเดียวกัน การแยกทางกับ ปิโตรนาส ยังส่งผลกระสบถึงโครงการสร้างนักบิดดาวรุ่งในคลาส โมโตทู และ โมโตทรี ซึ่งอาจนำไปสู่การยุบทีมในคลาสจูเนียร์และคลาสกลางสำหรับฤดูกาลหน้า เพื่อพยุงทีมใน โมโตจีพี เอาไว้
ล่าสุดรายการจาก The-Race หนึ่งในสื่อที่เกาะติดสถานการณ์โมโตจีพีอย่างใกล้ชิด เปิดเผยว่า เอสอาร์ที อาจกำลังเข้าสู่ “ขั้นตอน” การเจรจาขายทีมให้กับ “เจ้าของ” รายใหม่เพื่อเข้ามาดำเนินธุรกิจแทน หลังจากที่พวกเขาสูญเสียผู้สนับสนุนซึ่งเป็น “เส้นเลือดใหญ่” อย่าง ปิโตรนาส ในฤดูกาลหน้า ซึ่งทำให้สภาพคล่องทางการเงินถึงขั้นวิกฤติ
“เซปัง เรซซิ่ง ทีม” (SRT) เปิดตัวใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ด้วยการส่งทีมลุยศึก โมโตทรี ในฤดูกาล 2015 ก่อนจะขยายทีมสู่การแข่งขันใน โมโตทู ในปีถัดมา
โดยในปี 2019 เอสอาร์ที ขยับขึ้นสู่พรีเมียร์คลาส (โมโตจีพี) เป็นครั้งแรก โดยการร่วมงานกับ ยามาฮ่า ในฐานะ “ทีมแซ็ตเทิลไลต์” ภายใต้การสนับสนุนของ ปิโตรนาส ด้วยการใช้บริการรุกกี้อย่าง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร และดึงตัวแชมป์โลก โมโตทู 2017 อย่าง ฟรานโก มอร์บิเดลลี มาร่วมทีม
ขณะที่ กวาร์ตาราโร ภายใต้รถแข่ง ‘B-Spec’ สร้างผลงานอย่างโดดเด่น ด้วยการขึ้นโพเดี้ยมทั้งสิ้น 7 ครั้ง และคว้าโพลมาได้ถึง 6 ครั้ง
ในปี 2020 เอสอาร์ที คว้าชัยชนะมาครองได้ถึง 6 ครั้ง จากผลงานของ กวาร์ตาราโร ในรถแข่ง M1 สเป็คโรงงาน และ M1 ‘A-Spec’ ของ มอร์บิเดลลี ซึ่งฝ่ายหลังคว้ารองแชมป์โลกมาครอง โดยเป็นรองเพียง โจอัน เมียร์ จาก ทีม ซูซูกิ เอ็คสตาร์ เพียงเท่านั้น
เอสอาร์ที พยายามอย่างหนักในการสร้างนักบิดพรสวรรค์สูง โดยใช้ทีมใน โมโตทู และ โมโตทรี เพื่อผลักดันขึ้นสู่ โมโตจีพี ทว่าภายใต้สถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะเพียง ดาร์ริน บินเดอร์ นักบิดโมโตทรีของ เอสอาร์ที คนเดียวเท่านั้น ที่จะได้ก้าวขึ้นสู่ โมโตจีพี ในปี 2022 หากข่าวลือเป็นจริง
ทั้งนี้ เอสอาร์ที ถูกบังคับให้เข้าสู่สถานการณ์ “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” กับการเฟ้นหานักบิดในฤดูกาล 2022 หลังจากที่ มาเวริค บีญาเลส ประกาศยกเลิกสัญญากับ มอนสเตอร์ ยามาฮ่า สิ้นฤดูกาลนี้
ยามาฮ่า เตรียมโปรโมตให้ มอร์บิเดลลี ขยับขึ้นไปบิดในทีมโรงงานร่วมกับ กวาร์ตาราโร ฤดูกาลหน้า ขณะที่ วาเลนติโน รอสซี่ กำลังจะรีไทร์จาก โมโตจีพี ส่งผลให้ เอสอาร์ที จำเป็นต้องหานักบิดใหม่ทั้ง 2 คนในปี 2022
เดิมทีเป้าหมายหลักของ เอสอาร์ที คือ ราอูล เฟร์นันเดซ ก่อนจะถูก เคทีเอ็ม เซ็นสัญญาผลักดันขึ้นบิด โมโตจีพี กับ เทคทรี ในปีหน้า ขณะที่ข้อตกลงกับ มาร์โก เบซเซ็คคี ที่ดูเหมือนจะได้ข้อสรุปที่ลงตัว ทว่า Aramco VR46 ก็อาจไม่ยอมปล่อยตัว และวางแผนผลักดันขึ้นมาบิดกับทีมเพื่อร่วมงานกับ ลูก้า มารินี
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า เอสอาร์ที เตรียมที่จะยกเลิกโปรเจ็กต์ทีม โมโตทู และ โมโตทรี ในฤดูกาล 2022 เพื่อปกป้องโครงการ “โมโตจีพี” โดยเป็นที่เข้าใจว่า ยามาฮ่า ได้เจรจาข้อเสนอใหม่เพื่อป้อนรถแข่ง M1 ‘B-Spec’ 2 คัน สำหรับแข่งขันในฤดูกาลหน้า