[F1 Scoop] วิเคราะห์ “อัลบอน-วิลเลียมส์” สัญญานี้มีนัยยะสำคัญ

0
4834

สัญญาครั้งนี้อาจทำให้ วิลเลียมส์ แยกทางจาก เมอร์เซเดส ไปร่วมงานกับ เรดบูลล์ ในอนาคต หรือ อเล็กซ์ อัลบอน อาจอยู่กับ วิลเลียมส์ ยาวๆ ก็เป็นได้

โตโต้ โวล์ฟ บอสใหญ่ เมอร์เซเดส เอฟวัน เปิดเผยว่า “สัญญา” ของ อเล็กซานเดอร์ อัลบอน นักขับไทยในการย้ายไปร่วมงานกับ วิลเลียมส์ มีความ “เข้มงวดและชัดเจนมาก” เพื่อปกป้อง “ข้อมูลขั้นสูง” ของเครื่องยนต์ เมอร์เซเดส ในปี 2022

อัลบอน ได้รับการผลักดันอย่างเต็มตัวของทั้ง “เรดบูลล์ เรซซิ่ง” ต้นสังกัดในฟอร์มูล่าวัน ที่ปัจจุบันเขารับบทบาทเป็น “นักขับสำรอง” และ “นักขับทดสอบ” รวมถึงการลงแข่งขันในรายการ ดีทีเอ็ม ซึ่งเป็นศึกทั่วริงคาร์ ระดับโลกจากประเทศเยอรมนี

ขณะเดียวกัน ก็มีการขับเคลื่อนอย่างเต็มกำลังจาก “เรดบูลล์ ประเทศไทย” ที่คอยให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังต่อตัวนักขับเอง เพื่อให้ได้กลับมาสู่การแข่งขันระดับสูงสุดของโลกให้ได้อีกครั้ง

ความสัมพันธ์ของ “เรดบูลล์” และ อัลบอน มีความเหนียวแน่นถึงระดับครอบครัว ซึ่งตัวเขาเองได้รับการผลักดันมาตั้งแต่เด็กๆ จนเข้าโครงการ “เรดบูลล์ จูเนียร์” ตั้งแต่ระดับรถคาร์ทชิงแชมป์โลก ก่อนจะผจญภัยมาหลากหลายรายการ และได้กลับมาอยู่ภายใต้ชายคาของ เรดบูลล์ เรซซิ่ง อีกครั้งในปี 2019 กับการขับให้ โทโร รอสโซ ในศึกฟอร์มูล่าวัน

แน่นอนว่า “เรดบูลล์” คงไม่ปล่อยให้นักขับที่เปรียบเสมือน “เด็กสร้าง” ถูกลอยแพออกจากต้นสังกัดอย่างเต็มตัวแน่นอน… และเชื่อกันว่าจะยังคงมี “ความช่วยเหลือ” และ “การผลักดัน” ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง…

หนึ่งใน “อุปสรรค” ใหญ่ที่สุดกับความเชื่อมโยงครั้งนี้ของ วิลเลียมส์ และ อัลบอน นั้นอยู่ที่ “เมอร์เซเดส” ซึ่งเป็นผู้ป้อนเครื่องยนต์ให้กับทีมในปัจจุบันและปีหน้าด้วย

โยสต์ คาปิโต ทีมบอสของ วิลเลียมส์ เผยว่า “อเล็กซ์ คือตัวเลือกที่ถูกต้อง แม้พวกเขาจะต้องเปรียบเทียบกับนักขับหลายคนก็ตาม แต่สิ่งสำคัญคือการพา วิลเลียมส์ กลับสู่ทีมที่ยิ่งใหญ่ให้ได้อีกครั้ง”

“วิลเลียมส์ เลือกตัว อัลบอน จากประสบการณ์ใน ฟอร์มูล่าวัน จากความเร็วที่เขามี และการขึ้นโพเดี้ยมกับ เรดบูลล์ ถึง 2 ครั้งในปี 2020 ก็การันตีว่านักขับไทยมีความเร็วระดับสูงของรถสูตรหนึ่ง”

โยสต์ คาปิโต้

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า วิลเลียมส์ มีความเชื่อมโยงในระดับสูงกับ เรดบูลล์ เรซซิ่ง ในแง่ของที่ปรึกษาด้านเทคนิคสำหรับอนาคต ซึ่งเป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวที่น่าจบตามองอย่างมาก ว่าทำไม โยสต์ คาปิโต้ จึงเลือกที่จะเซ็นสัญญา อัลบอน มากกว่าเด็กสร้างของ เมอร์เซเดส ที่พยายามยัดให้ทีมอย่าง นิค เด ฟรีส แชมป์โลก ฟอร์มูล่าอีชาวดัตช์

สำนักข่าวชื่อดังหลายราย วิเคราะห์ถึงความเชื่อมโยงนี้ว่าในอนาคต วิลเลียมส์ อาจกำลังมองหาหนทางเพื่อกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง

ดังนั้น การ “จมปรัก” กับเครื่องยนต์ของ “เมอร์เซเดส” และความช่วยเหลือที่ถูกจัดเป็นอันดับสุดท้ายในบรรดาทีมที่ เมอร์เซเดส ป้อนเครื่องยนต์ และข้อมูลด้านเทคนิคให้นั้น คงจะไม่ใช่เรื่องดีนัก กับทีมที่เพิ่ง “ปรับโครงสร้าง” ของทีมครั้งใหญ่ในปีนี้

มีการคาดการณ์ว่าในอนาคต “วิลเลียมส์” อาจหันไปซบ “เรดบูลล์” เพื่อให้มาเป็นที่ปรึกษาและให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิค

“เรดบูลล์ เรซซิ่ง” เข้าเทคโอเวอร์กิจการใน “หน่วยเครื่องยนต์” ของ ฮอนด้า ในฤดูกาลหน้า และจะย้ายฐานการผลิตและพัฒนามาอยู่ที่อังกฤษเพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานของทีมในอนาคต

ขณะเดียวกันพวกเขา “ซื้อตัว” บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์มาไว้ในทีม เพื่อปลุกปั้น “โครงการนี้” อย่างจริงจังในอนาคต และจะยังคงมีความเชื่อมโยงกับ “ฮอนด้า” ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สำหรับการทำงานระยะสั้น เพื่อถ่ายโดนเทคโนโลยีด้านต่างๆ

ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้เราอาจได้เห็น “เรดบูลล์ เรซซิ่ง” เปิดตัวแบรนด์เครื่องยนต์ในฟอร์มูล่าวันของพวกเขาเองก็ได้ และนั่นอาจเป็นทางออกที่สดใส่กว่าของ “วิลเลียมส์”

“เราหวังที่จะร่วมงานกับ อเล็กซ์ ในระยะยาว” นั่นคือการให้สัมภาษณ์อย่างชัดเจนของ โยสต์ คาปิโต้ ที่มีความมุ่งมั่นอย่างมาก

ด้าน โวล์ฟ ซึ่งกุมบังเหียนสูงสุดของ เมอร์เซเดส กับการบริหารทีมในฟอร์มูล่าวัน และสิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ ของทีมด้วยเช่นกัน

ดังนั้น การจะยัดนักขับเรดบูลล์ในระดับสายเลือดแบบนี้ มาอยู่ในทีมที่พวกเขา “ป้อนเครื่องยนต์” ให้นั้นก็ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลนัก

“เรายินดีร่วมงานกับ อเล็กซ์ แต่ เรดบูลล์ ต้องปล่อยให้เขาเป็นอิสระจากสัญญา” โวล์ฟ ประกาศกร้าวอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ดี การเซ็นสัญญาของ อเล็กซ์ อัลบอน และ วิลเลียมส์ ก็บรรลุไปด้วยดี ด้วยอายุสัญญา 12 เดือน โดยนักขับไทยถูกปล่อยตัวออกจาก เรดบูลล์ อย่างเต็มตัว แต่ยังพ่วง “อ็อพชั่น” เซ็นสัญญากลับหลังผ่านไป 1 ปี

นั่นหมายถึงความ “สัมพันธ์” ที่ตัดไม่ขาด… แต่ภายใต้การทำงานระดับอาชีพ ก็ต้องมีความ “เคารพ” ต่อสัญญาและคู่สัญญาอย่างเคร่งครัด…

เพราะนั่นจะเป็นตัวชี้วัดความเป็น Professional ได้อย่างชัดเจนที่สุด

โวล์ฟ กล่าวว่า มีประโยคและข้อความที่ “เข้มงวดและชัดเจนมาก” ในสัญญาอง วิลเลียมส์ และ อัลบอน ในปี 2022 ซึ่งจะย้ายมาร่วมงานกับ ลิโคลาส ลาติฟี

การประกาศย้ายทีมครั้งนี้ ออกมาจาก “เรดบูลล์ เรซซิ่ง” ที่ยืนยันว่า อัลบอน จะไปร่วมงานกับ วิลเลียมส์ ในปีนี้ ภายใต้ “ออพชั่นการร่วมงานในอนาคต”

โวล์ฟ กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวครั้งแรกที่ มอนซ่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา “ผมไม่รู้สึกโกรธเคืองหรือหงุดหงิดกับการที่ วิลเลียมส์ เซ็นสัญญากับ อัลบอน นะ เพราะในเนื้อหาสัญญาระบุอย่างชัดเจนถึงข้อกำหนดในการรักษาความลับ ระหว่างนักขับไทยกับทีม เพื่อเป็นการป้องกันความลับด้านเครื่องยนต์ของ เมอร์เซเดส รั่วไหล”

“เราเคารพการตัดสินใจ และให้อำนาจการเลือกนักขับของทีมเสมอ” โวล์ฟ กล่าว

“ผมเคยบริหารทีม วิลเลียมส์ และผมเองก็ไม่ต้องการให้ใครมายุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจของเราเกี่ยวนักขับ และในทำนองเดียวกัน เราก็ไม่มีสิทธิตามสัญญาหรืออาจเข้าไปใช้ประโยชน์ในจุดนี้ได้ เพราะผมคิดว่ามันไม่ถูกต้องที่จะเข้าไปยุ่ง กับการตัดสินใจเลือกตัวนักขับของทีม”

“สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเราคือหากมีนักขับจากทีมโรงงานอื่น (เพาเวอร์ ยูนิต) มาร่วมทีม ก็จะต้องมีข้อกำหนดที่เข้มงวดและชัดเจนเกี่ยวกับ ทรัพย์สินทางปัญญา (IP : intellectual property) ด้านเครื่องยนต์ของเรา”

“สิ่งนั้นสอดคล้องกับ วิลเลียมส์ เสมอ เพราะบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเราทั้งคู่เดินทางจากจุดไหน รวมถึงการบ่งบอกว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่จะต้องปกป้อง”

โวล์ฟ เสริมว่า เมอร์เซเดส ได้สร้างความ “มั่นใจ” ว่าได้ “รักษาผลประโยชน์ของทีมอย่างสุดตัว” เพื่อต้องการให้ อัลบอน รักษาสัญญาในเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด

“โดยพื้นฐานแล้วเขาเป็นนักขับของ วิลเลียมส์ ในช่วงสัญญา 12 เดือน และเขาจะต้องไม่มีความเชื่อมโยงกับ เรดบูลล์ ในช่วงเวลานั้น”

นอกจากนี้ บอสใหญ่ของ เมอร์เซเดส เอฟวัน ยังย้ำว่า “ดีใจที่เห็น อเล็กซ์ อัลบอน กลับมาแข่งขันในฟอร์มูล่าวันอีกครั้ง และรู้สึกเสียดายนับตั้งแต่สิ้นปี 2020 ที่นักขับไทยต้องออกจากเวทีรถสูตรหนึ่งไป”

โดยเขาหวังที่จะได้เห็น อัลบอน ร่วมงานระยะยาวกับ วิลเลียมส์ ในฟอร์มูล่าวันนั่นเอง

วีดีโอที่เกี่ยวข้อง :