มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลก 8 สมัยจาก เรปโซล ฮอนด้า ออกโรงวิจารณ์รถแข่ง RC213V ในฤดูกาล 2022 ว่ามี “คาแร็กเตอร์” ที่ล้มเหลวสุดๆ แต่กลับทำ “เวลาต่อรอบ” ได้ดีขึ้นกว่าเดิม ชี้ทีมต้องเร่งแก้ปัญหาด้าน “ทิศทางการพัฒนา” ให้ได้เพื่อกลับสู่เส้นทางลุ้นแชมป์ โมโตจีพี อีกครั้ง
มาร์เกซ ในฐานะ “กัปตัน” ของทีมที่จะนำ ฮอนด้า กลับสู่ความยิ่งใหญ่ในศึก โมโตจีพี ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขายังคงเจอสถานการณ์ยากลำบาก โดยเฉาะการตัดสินใจสำหรับแนวทางการพัฒนารถแข่งในปี 2023
ภายใต้จุดอ่อนของ RC213V ที่มีอย่างชัดเจน นับตั้งแต่ มาร์เกซ บาดเจ็บในปี 2022 ซึ่ง ฮอนด้า ได้ปรับปรุงรถแข่งในปีนี้อย่างจริงจัง เพื่อเพิ่มการยึดเกาะที่ล้อหลัง
มาร์เกซ อธิบายอย่างเห็นภาพชัดว่า “รถแข่งคันนี้มันแตกต่างจากปีที่แล้วมาก ราวกับว่าผมเปลี่ยนค่ายผู้ผลิตเลย”
ผลลัพธ์เบื้องต้น, ความเร็วที่ทำได้ในการทดสอบช่วงฤดูหนาว และการขึ้นโพเดี้ยมของ โปล เอสปาร์กาโร ที่ กาตาร์ ส่งสัญญาณว่ามีแนวโน้มสูงที่ ฮอนด้า ได้ปรับปรุงรถแข่งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับเป็นข้อยกเว้นในบางมุมที่ดีกว่ามาตรฐานปกติ
“มันยากที่จะเข้าใจ เพราะรถแข่งที่เราใช้ตอนนี้ คือรถแข่งที่สมบูรณ์แบบมากที่ กาตาร์ รวมถึงในการทดสอบช่วง พรี-ซีซั่น” เอสปาร์กาโร กล่าวหลังคว้าอันดับ 9 ที่ ปอร์ติเมา (สนามแรกของโซนยุโรป)
“ในช่วงพรีซีซั่น เรามีความเร็วมากกว่า 1 รอบ และเราก็ยังเร็วกับการจับจังหวะด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราจึงไม่เปลี่ยนแปลงรถแข่งเพราะศักยภาพมันน่าทึ่งมาก เราแค่เพียงเพิ่มเติมรายละเอียดเล็กน้อยบางอย่าง ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้รถแข่งมีความเปลี่ยนแปลงอะไรใหญ่ๆ และตอนนี้เราก็มีปัญหาอย่างมาก”
“ความรู้สึกของทุกคนดีมากๆ ในช่วง พรีซีซั่น นอกเหนือจากปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่ล้อหน้า แต่ไม่มีใครบ่นเรื่องยางหลังเลย ตอนนี้เรามีปัญหาร้ายแรงและเราก็ไม่รู้วิธีแก้ไขมันด้วย”
“มาร์ค เริ่มต้นการทดสอบที่ มาเลเซีย กับรถแข่งคันเก่าของปี 2021 จากนั้นเมื่อเขากระโดดขึ้นรถแข่งใหม่แค่ครั้งเดียว และสำหรับเขามันชัดเจนว่ารถแข่งคันใหม่เร็วมาก ดังนั้น เขาจึงเลือกรถคันใหม่เช่นเดียวกับพวกเรา”
เอสปาร์กาโร ล้มเหลวอย่างต่อเนื่องกับ ฮอนด้า โดยเขาไม่สามารถจบการแข่งขันในท็อปเท็นได้เลย นับตั้งแต่ที่ ปอร์ติเมา ขณะที่ มาร์เกซ ซึ่งพลาดการแข่งขันในช่วงกลางฤดูกาลไปหลายเดือน ก่อนกลับมาขึ้นโพเดี้ยมอีกครั้งที่ ฟิลลิป ไอส์แลนด์ โดยใช้เวลาเพียง 4 สนามเท่านั้น
มาร์เกซ เห็นด้วยกับ เอสปาร์กาโร ว่าเขามีความเร็วที่ยอดเยี่ยมกับรถแข่งปี 2022 ระหว่างการทดสอบช่วงฤดูหนาว ทั้งที่ มาเลเซีย และ กาตาร์ ด้วยเงื่อนไขที่ว่ามี “เนื้อยางบดอัดลงบนแทร็ก” จำนวนมาก
โดยหลังจากนั้น 10 เดือน มาร์เกซ ยังคงระบุว่า “มันเป็นรถแข่งที่ทำให้ผมสับสนนิดหน่อย เพราะยากที่จะคาดเดาว่ามันจะมีประสิทธิภาพอย่างไร จากสนามหนึ่งไปสนามยังสนามหนึ่ง”
บางคนอาจคิดว่า มาร์เกซ เพียงต้องถอยกลับไปใช้รถแข่งที่เป็นมิตรใน “ส่วนหน้า” อย่างที่เขาเคยใช้ในการคว้าแชมป์โลกมาครองได้ 6 สมัย ทว่าเจ้าของรถแข่งหมายเลข 93 ก็เปิดกว้างมากพอที่จะ “ยอมรับ” ว่า “กาลเวลา” มันเปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาให้ทันค่ายอื่นๆ
“ผมต้องการรถแข่งที่ชนะการแข่งขัน แต่บางครั้งรถแข่งสไตล์ มาร์เกซ อาจจะเก่าไปเสียแล้ว มันอาจไม่ได้ผลในตอนนี้ ก่อนหน้านี้รถแข่งจะเตี้ยมากๆ และค่อนข้างสั้น ดูตอนนี้สิ พวกมันทั้งใหญ่และสูง”
การกลับมาที่ เซปังฯ อีกครั้งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มาร์เกซ อธิบายว่าเขาพยายามผสานจุดแข็งของรถแข่งที่ดุดันในปี 2022 เข้ากับความสะดวกสบายของรถแข่งในอดีตเข้าด้วยกัน
“มันเป็นเรื่องคาแร็กเตอร์ของรถแข่งมากกว่า ปีนี้มันเปลี่ยนไปมาก และด้วยสไตล์การขี่ของผมก็เชื่อว่ามันแย่ยิ่งกว่า” มาร์เกซ กล่าว
“แต่ก็จริงที่ศักยภาพในการทำเวลาต่อรอบของรถแข่งปี 2022 ทำได้ดีกว่ารถแข่งปี 2021”
“ผมรู้สึกอัดอึดมากเมื่อต้องขึ้นไปขี่รถแข่งคันนี้ แต่เวลาต่อรอบก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น นั่นคือเหตุผลที่เราเลือกแนวทางนี้”
“ตอนนี้เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจมันต่อ เพราะผมยังคงรู้สึกได้ว่าในการแข่งขันที่ ฟิลลิป ไอส์แลนด์ ซึ่งผมมีเรซที่ยอดเยี่ยม ตอนนั้นรถแข่งมีอาการสั่นมากเกินไป ซึ่งนั่นทำให้รถแข่งขี่ยากมากขึ้น”
นักบิดวัย 29 ปี ซึ่งร่วงจากกริดแถวหน้าลงไปจบการแข่งขันในอันดับ 7 ที่ มาเลเซีย กล่าวเพิ่มเติมว่า “คุณต้องการแรงบิด (อัตราเร่ง) และการเข้าโค้งที่ดีมากขึ้น แต่สิ่งสำหรับอย่างหนึ่งคือเราจะต้องพยายามเข้าใจให้ได้ ถึงแนวทางการควบคุม (ขี่) มัน”
“ผมรู้สึกเหมือนว่ารถแข่งหนักมาก แต่เราต้องเข้าใจก่อนว่าทำไมผมถึงได้สัมผัสถึงแรงเฉื่อยทั้งหมดเมื่ออยู่บนรถแข่ง และนั่นคือสิ่งที่ผมต้องการปรับปรุงมันให้ได้”
“เพราะในหลายๆ สนามซึ่งไม่ต้องเปลี่ยนทิศทางรถแข่งมากนัก สนามที่ไม่ต้องเบรกรถแข่งมากนัก คุณจะยังสามารถจัดการมันได้ โดยเฉพาะที่ ฟิลลิป ไอส์แลนด์ หรือ กาตาร์”
“แต่เมื่อคุณจำเป็นต้องหยุดรถแข่ง หรือเบรกหนักๆ ขณะเลี้ยว (แบนเข้าโค้ง) นั่นแหละเป็นสนามที่ผมมีปัญหามากขึ้น”
“คุณจะไม่สามารถทำหลายๆ อย่างได้ภายใต้การยึดเกาะต่ำๆ” มาร์เกซ กล่าว
ขณะที่เครื่องยนต์ไม่ได้รับอนุญาตให้ปรับแต่งได้ตลอดทั้งฤดูกาล มาร์เกซ และ ฮอนด้า ได้เลือกทดลองใช้ แชสซีส์ แบบต่างๆ รวมถึง สวิงอาร์ม อลูมิเนียม จาก คาเล็กซ์ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงด้าน แอโรไดนามิก
“มันคือรถแข่งที่แทบจะเหมือนกับช่วง พรี-ซีซั่น สิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงคือ แอโรไดนามิค และ สวิงอาร์ม แต่ สวิงอาร์ม ไม่ได้แตกต่างอะไรมาก ตัวอย่างคือในประเทศไทย ผมเร็วที่สุดด้วย สวิงอาร์ม คาบอน ในรอบ FP1” มาร์เกซ เผย
“เราต้องเข้าใจวิธีการที่จะก้าวไปข้างหน้า เพราะนี่คือรถแข่งที่พร้อมจะมีการยึดเกาะที่ต่ำลงได้แทบจะทันทีที่ลงสนาม และด้วยสไตล์การบิดที่เป็นจุดแข็งของผมแล้ว มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำหลายๆ อย่างบนรถแข่งคันนี้”