ยามาฮ่า กำลังอยู่ในช่วงที่ประสบปัญหาอย่างหนัก และยิ่งมากกว่าเดิมในตอนนี้ กับยุค “โมเดิร์น โมโตจีพี” และเพื่อให้ “ไล่ตามคู่แข่งทัน” นี่คือสาเหตุที่ ยามาฮ่า มีแผนในการย้ายฐานพัฒนารถแข่ง M1 ไปสู่ ยุโรป เป็นเวลา 3 ปี
“ค่ายสีน้ำเงิน” มีแนวโน้วที่จะสูญเสียนักแข่งเบอร์หนึ่งของพวกเขาอย่าง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ไปหลังสิ้นปี 2024
โดย กวาร์ตาราโร แสดงความจำนงอย่างชัดเจนว่า “อนาคตของเขาอยู่ในมือของ ยามาฮ่า” ซึ่งนั่นหมายความว่า ยามาฮ่า จะต้องเร่งพัฒนารถแข่ง M1 ให้นักบิดเฟรนช์เพื่อล่าแชมป์โลกให้ได้อีกครั้ง หากต้องการยื้อเขาไว้ในปี 2025
ลิน ยาร์วิส ทีมบอสของ มอนสเตอร์ ยามาฮ่า โมโตจีพี สรุปสถานการณ์ของทีมไปในทางเดียวกัน โดยชี้ว่า ยามาฮ่า ต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้สามารถต่อสู้กับคู่แข่งได้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมวิศวกรชาวญี่ปุ่น ถูกกำหนดให้ทำงานร่วมกับวิศวกรในยุโรป
ยาร์วิส อธิบายสถานการณ์ดังกล่าวว่า “เราเข้าใจสถานการณ์นี้ดี และตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนารถแข่งในปี 2024 เรากำลังพยายามอย่างหนัก”
“บุคลากรชาวญี่ปุ่นของเรา กำลังทำงานร่วมกับบุคลากรในยุโรป พวกเขาเป็นพันธมิตรกัน เราจะย้ายงานส่วนใหญ่ในการพัฒนารถแข่งไปที่ ยุโรป เพราะการสื่อสารและตอบสนองเพื่อพลิกสถานการณ์ที่นี่ (ยุโรป) จะเร็วขึ้น”
“นอกจากนี้ ความเชี่ยวชาญของวิศวกรในยุโรปยังมีมากกว่าในบางพื้นที่ของการพัฒนา หน่วยงานที่นี่ (ฐานในยุโรป) มีความเข้มแข็งเป็นพิเศษในด้านอากาศพลศาสตร์ และการออกแบบเครื่องยนต์”
“เรากำลังทำงานกันอย่างหนัก เดินหน้าเต็มที่ เรารู้ดีว่ายืนอยู่จุดไหน และต้องรับมือกับอะไร”
“คำถามคือ เราจะสามารถกลับมาสู้ได้อย่างเต็มที่อีกครั้งเมื่อไหร่? โดยเฉพาะในด้านเทคนิคหากเทียบกับคู่แข่งทีมอื่นๆ”
“ในส่วนความกังวลเกี่ยวกับนักบิด, ชัดเจนว่า กวาร์ตาราโร คือนักบิดที่ดีที่สุดในตอนนี้ ขณะเดียวกันเราก็ตั้งความคาดหวังกับ อเล็กซ์ รินส์ ไว้สูงมาก ผมคิดว่าเรามีคู่หูนักบิดที่แข็งแกร่งใน โมโตจีพี 2024”
“เรามีนักบิด 2 คนที่คาดว่าจะนำทัพให้เราทั้ง 2 คนแล้วในปี 2025 และ 2026 (กวาร์ตาราโร และ รินส์)”
“แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพรถแข่ง และทีมของเราในครึ่งแรกของฤดูกาล 2024 ที่กำลังจะมาถึง”