ฮอนด้า เปิดตัว All New CBR1000RR-R FIREBLADE อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมด้วย CBR1000RR-R FIREBLADE SP ถ่ายทอดดีเอ็นเอ โมโตจีพี สู่นักบิดผู้รักในความเร็วด้วยราคาแนะนำ 999,000 บาท และ 1,119,000 บาท ปิดจองตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป และที่ศูนย์ Honda BigWing ทั่วประเทศ
มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “ฮอนด้าพัฒนารถสปอร์ตด้วยแรงบันดาลใจและความฝันที่อยากจะสร้างรถที่มีสมรรถะดีที่สุด กลายเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนา CBR400Series สู่ตลาดโลกเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1983 ต่อมาในปี 2003 รถ CBR600RR ก็กลายเป็นรถรุ่นแรกที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีเดียวกับรถโมโตจีพีในยุคนั้น หนึ่งปีถัดมา ทีมวิศวกรฮอนด้าที่อยู่เบื้องหลังทีมแข่งโมโตจีพีได้ร่วมพัฒนา CBR1000RR สู่ตลาดโลกเป็นครั้งแรก โดยใช้เทคโนโลยีหลายอย่างจากสนามแข่งเพื่อสมรรถนะที่เหนือกว่าใคร นับแต่นั้นมา ทั้ง CBR1000RR และ CBR600RR ได้กลายเป็นรถที่ดึงดูดแฟน ๆ จากทั่วโลกให้มาสัมผัสและครอบครองรถสปอร์ตในตระกูล CBR Series ของฮอนด้า”
“ในปีนี้ ฮอนด้าพร้อมนำเสนอ All New CBR1000RR-R FIREBLADE และ New CBR600RR รถซูเปอร์สปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุด โดยทั้งสองรุ่นถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างความระทึกใจด้วยความแรงและงานออกแบบที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร โดย HRC (Honda Racing Corporation) ได้เข้ามามีส่วนร่วมในงานออกแบบ All New CBR1000RR-R เป็นอย่างมาก เครื่องยนต์และเฟรมรถใช้พื้นฐานเดียวกันกับ RC213V-S ตัวรถถูกออกแบบให้มีแอโร่ได้นามิกส์ในแนวทางเดียวกับรถแข่ง RC213V ที่ใช้ในรถโมโตจีพียุคปัจจุบัน ในขณะที่ New CBR600RR มาพร้อมกับความแรงที่มากขึ้น ตัวรถถูกสร้างให้เป็นเสมือนรถแข่งที่วิ่งอยู่บนถนน”
All New CBR1000RR-R FIREBLADE ได้รับการถ่ายทอด DNA จากสุดยอดรถแข่งระดับโลกอย่าง Honda RC213V ภายใต้แนวคิด “Born to Race” มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง DOHC ขนาด 999 ซีซี หัวฉีด PGM-DSFI ระบายความร้อนด้วยน้ำ มาพร้อมเซนเซอร์ IMU 6 แกน ช่วยควบคุมแรงบิดและการทรงตัว ติดตั้งระบบคันเร่งไฟฟ้า Throttle by Wire เฟรมและสวิงอาร์มผลิตจากวัสดุอลูมินั่ม ในขณะที่ก้านสูบผลิตจากวัสดุไทเทเนียม ให้ความแข็งแกร่ง แต่ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเบาลงถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ใช้ระบบวาล์วแบบ Finger-Follower Rocker Arm ท่อไอเสียไทเทเนียมจาก Akrapovic ตอบสนองทุกย่านความเร็ว ช่วยรีดสมรรถนะได้อย่างเหนือระดับ
All New CBR1000RR-R FIREBLADE ออกแบบตามหลักแอโร่ไดนามิกส์ในแนวทางเดียวกับ RC213V รถแข่งโมโตจีพีที่คว้าแชมป์โลกมาแล้วมากมาย มิติตัวรถให้ความเท่โดดเด่นในทุกมุมมอง ท่านั่งดีไซน์ใหม่ออกแบบให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นคงที่สุด โดยการกระจายน้ำหนักระหว่างล้อหน้าและหลังอย่างสมดุล ติดตั้ง Winglet แบบ 3 ชั้น เพิ่มประสิทธิภาพขณะขับขี่ในช่วงความเร็วสูงหรือในระหว่างเพิ่มอัตราเร่ง สะดุดตาด้วยชุดไฟ LED รอบคันที่ให้ความดุดันในแบบซูเปอร์สปอร์ตพันธุ์แท้ หน้าจอแสดงผล Full Color TFT Meter ขนาด 5 นิ้ว แสดงข้อมูลครบถ้วนแบบเดียวกับที่ใช้ในสนามแข่งขัน พร้อมสวิตซ์การควบคุมแบบ 4-way ช่วยให้การปรับตั้งค่าต่างๆ ทำได้สะดวกขึ้น
All New CBR1000RR-R FIREBLADE ให้ความแม่นยำและปลอดภัยในทุกสภาพการขับขี่ ด้วยระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) ควรคุมการหมุนของล้อให้มีความสัมพันธ์กัน ระบบไฟเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ระบบ HESD (Honda Electronics Steering Damper) โช๊คกันสะบัดแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการควบคุมที่เหนือชั้น เสมือนกำลังขับขี่รถแข่งในสนามแข่ง พร้อมระบบ Wheelie Control ป้องกันล้อหน้าลอยขณะเร่งกำลังเครื่องยนต์
All New CBR1000RR-R FIREBLADE รุ่นมาตรฐานมาพร้อมระบบช่วงล่าง โช๊คหน้าหัวกลับ SHOWA BPF ขนาด 43 มม. และโช๊คหลัง SHOWA BFRC-lite ระบบเบรก ABS ดิสก์เบรกหน้าคู่แบบเรเดียลเมาท์ Nissin คาลิปเปอร์ 4 สูบ
นอกจากรุ่นมาตรฐานแล้ว Honda CBR1000RR-R FIREBLADE ยังมีรุ่นพิเศษรหัส SP ที่มาพร้อมระบบช่วงล่างไฟฟ้า Ohlins Electronic Control โช๊คหน้าหัวกลับรุ่น NPX ขนาด 43 มม. และโช๊คหลัง TTX36 Smart-EC ดิสก์เบรก Brembo Stylema คาลิปเปอร์ 4 สูบ เหมือนที่ใช้ใน RC213V-S และนอกจากนี้ยังติดตั้ง Quick Shifter (UP/DOWN) ปรับได้ 3 แบบตามสไตล์การขับขี่ที่แตกต่าง
เอ.พี. ฮอนด้า พร้อมเปิดรับจองรถทั้งสองรุ่นเป็นครั้งแรกในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2020 และที่ Honda BigWing ทุกสาขาทั่วประเทศ โดย All New Honda CBR1000RR-R FIREBLADE เปิดตัวด้วยราคาแนะนำที่ 999,000 บาท และ CBR1000RR-R FIREBLADE SP ราคาแนะนำที่ 1,119,000 บาท
ทั้งนี้ สำหรับลูกค้า 50 คันแรกในประเทศไทย จะได้รับนาฬิกาข้อมือ TISSOT รุ่น T-RACE MARC MARQUEZ 2020 LIMITED EDITION เพิ่มความพิเศษสุดมาพร้อมเลเซอร์ลายเซ็นต์ของ มาร์ค มาร์เกซ ยอดนักบิดแชมป์โลก 8 สมัย จาก เรปโซล ฮอนด้า อยู่ที่ด้านหลังเรือน พร้อมสิทธิพิเศษ สามารถเข้าร่วมกิจกรรม Honda Track Xperience จำนวน 4 ครั้ง ภายใน 2 ปี