“เดอะด็อกเตอร์” วาเลนติโน รอสซี่ กับผลงาน 9 สนามแรก ไม่เพียงสร้างความกังวลให้กับแฟนๆ ของเขาหลายสิบล้านคันทั่วโลก แต่มันยังส่งผลต่อตัวเขาเองอย่างมาก แม้กระทั่งตัวเองยังสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น และในวัย 40 กะรัต จอมเก๋าอิตาเลียนจะผลักดันตัวเองให้กลับมาอยู่แถวหน้าได้อีกครั้งหรือไม่ในครึ่งฤดูกาลหลังของปีนี้
รอสซี่ มีปัญหามาอย่างต่อเนื่องในฤดูกาล 2019 นับตั้งแต่เปิดฤดูกาล โดยจอมเก๋าอิตาเลียนจะต้องต่อสู้กับการทำงานตั้งแต่รอบซ้อม ไปจนถึงการควอลิฟาย แถมกริดสตาร์ทที่ได้ก็ไม่สู้ดีนัก
ทว่าจากประสบการณ์ทำให้ รอสซี่ เอาตัวรอดจากสถานการณ์ย่ำแย่ในรอบคัดเลือกมาได้ เขาถูกยกให้เป็น “มร.ซันเดย์” เพราะในวันแข่งขันจริง นักบิดอิตาเลียนจะไล่แซงคู่แข่งขึ้นมาจนจบในกลุ่มหน้า หรือท็อปไฟว์ได้เสมอ
“เดอะด็อกเตอร์” คว้าโพเดี้ยมมาครองได้ 2 สนาม จากการแข่งขันที่ อาร์เจนติน่า และ ที่ ออสติน ทั้งๆ ที่มีโอกาสจะคว้าแชมป์ใน อเมริกาส์ จีพี แต่ช่วงท้ายกลับสูญเสียขีดการต่อสู้ (Race Pace) จนโดน อเล็กซ์ รินส์ ไล่แซงจนได้ แต่ในสนามนั้น การล้มสุดแปลกของ มาร์ค มาร์เกซ ก็เป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญ
อย่างไรก็ดี อาการของ รอสซี่ กับ M1 2019 ไม่มีทีท่าดีขึ้นได้เลย เขาอยู่ในฟอร์มแบบไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนที่เคย ทำได้ดีที่สุดเพียงอันดับ 6 เฆเรซ และ อันดับ 5 ที่ เลอมองส์
จากนั้นใน อิตาเลียน กรังด์ปรีซ์ สนามที่ทุกคนคาดหวังจะได้เห็น “เดอะด็อกเตอร์” คืนฟอร์มในโฮมเรซ เพราะ มูเจลโล ไม่เคยห่างหายจากสีเหลืองอันเต็มเปี่ยมไปด้วยศรัทธาจากแฟนๆ ของ “รอสซี่”
ผลการแข่งขันไม่เป็นอย่างใจ รอสซี่ พลาดล้ม ไร้แต้มในโฮมเรซที่เขาคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยม
“มันคือ อิตาเลียน กรังด์ปรีซ์ ที่แย่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของผม” รอสซี่ เผย
จากนั้น รอสซี่ มาโดนพิษกวาดล้มของอดีตทีมเมท ฮอร์เก ลอเรนโซ ที่เหมา 4 ทำเอาตนเอง รวมถึง มาเวริค บีญาเลส และ อันเดรีย โดวิซิโอโซ ระเนระนาดไม่เป็นท่า ในศึก คาตาลัน กรังด์ปรีซ์ ที่ บาร์เซโลน่า
เพื่อลืมความผิดหวัง รอสซี่ พกความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมมุ่งหน้าสู่ ทีที แอสเซ่น ในศึก ดัตช์ ทีที สนามที่เขาคว้าชัยชนะครั้ล่าสุดมาครองได้เมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้ ทว่า “เดอะด็อกเตอร์” ล้มเหลวไม่เป็นท่าอีกครั้ง เขาพลาดล้ม และไม่มีแต้ม 3 สนามติดต่อกัน
นักบิดยามาฮ่า เปิดเผยว่า “มันยากที่จะเข้าใจ” ว่าทำไมผมถึงยังคงเจอปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสนามล่าสุดที่ ซัคเซนริง
รอสซี่ เดินทางถึง ซัคเซนริง หลังจากที่ไม่มีแต้มติดมือมาแล้วถึง 3 สนามติดต่อกัน แม้ว่าจะออกสตาร์ทการซ้อมครั้งแรกด้วยการรั้งอันดับ 3 แต่นักบิดอิตาเลียนกลับเจอปัญหาหนักขึ้นเรื่อยๆ เขาหลุดท็อปเท็นเมื่อรวมเวลา FP1-FP2-FP3 แถมมาล้มในการควอลิฟายรอบ Q1 อีก
ที่ เยอรมัน กรังด์ปรีซ์, รอสซี่ ได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 11 เขาพยายามอย่างมากในการค้นหาขีดการต่อสู้ (Race Pace) แต่ดูเหมือนจะเรียกคืนมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
รอสซี่ จบการแข่งขันที่ ซัคเซนริง ในอันดับ 8 ตามหลังผู้นำอย่าง มาร์เกซ ถึง 19 วินาที
“วันนี้ผมจบการแข่งขัน แต่มันเป็นเรซที่ยากมากๆ เพราะผมไม่มีความแข็งแกร่งเอาเสียเลย” รอสซี่ กล่าว
“สำหรับเราแล้วมันเป็นสุดสัปดาห์ที่สำคัญมาก เพราะที่ แอสเซ่น ในสุดสัปดาหห์ก่อนหน้านี้เราพลาด และผมเองก็รู้สึกดีกับรถแข่ง ผมมีความเร็ว ดังนั้นเราต้องยืนยันให้ได้ว่าเราแข็งแกร่งที่ ซัคเซนริง”
“โชคไม่ดีนัก ตลอดการซ้อมมีบางครั้งที่ผมหาขีดการต่อสู้ที่ดีได้ แต่ผมก็ยังเร็วไม่พออยู่ดี ดังนั้นเราจึงมีปัญหา และเราจำเป็นจะต้องเข้าใจให้ได้ว่า ทำไม”
รอสซี่ เผยว่าเขาเลือกใช้ ยางหลังมีเดียมของ มิชลิน ขณะที่ทีมเมทของเขาใช้ ฮาร์ด ก่อนคว้าอันดับ 2
“เราสตาร์ทการแข่งขันด้วยยาง มีเดียม ทั้งที่รู้ว่าจะช้านิดหน่อยในช่วงเริ่มต้น แต่เราคาดหวังว่าจะมีความคงที่ โดยเฉพาะกับยางมิชนลิน จากการคำนวณของเรา ดูเหมือนว่ายาง ฮาร์ด จะทำให้เราไม่จบเรซ” เขากล่าว
“ดังนั้น เราจึงเลือกใช้ยางมีเดียม แต่โชคไม่ดี เราไม่มีการยึดเกาะเลยนับตั้งแต่เริ่มเกม และช่วงท้ายเรซเรามีปัญหาอย่างหนัก”
รอสซี่ จบการแข่งขันด้วยเวลาช้ากว่าเดิมถึง 20 วินาที หากเทียบกับ เยอรมัน กรังด์ปรีซ์ ในปีที่ผ่านมา ขณะที่แชมป์อย่าง มาร์เกซ ช้ากว่าเดิมแค่ 3 วินาที กับการแข่งขัน 30 รอบเท่าเดิม
รอสซี่ กล่าวว่า “เมื่อปีที่ผ่านมา 5 สนามนี้ (จาก เลอมองส์ ถึง ซัคเซนริง) เรามีผลงานที่ดีกว่านี้ ผมสามารถต่อสู้กับแถวหน้าได้ดีกว่านี้ และคว้าโพเดี้ยมได้หลายสนาม แต่ในปีนี้ โดยเฉพาะ 4 สนามล่าสุด เราประสบปัญหาอย่างมาก”
“ดังนั้น เราจำเป็นต้องวิเคราะห์ข้อมูล เราจะต้องทำความเข้าใจว่าทำไม เพราะผมรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยกับรถแข่งของเรา และผมช้ากว่าตัวผมเองหากเทียบกับปีที่ผ่านมา”
“เพราะในวันนี้ (ที่ ซัคเซนริง) ผมช้ากว่าเวลารวมทั้งเรซของตัวเองถึง 20 วินาที สิ่งนี้มันยากจำเข้าใจ เราจำเป็นต้องหามันให้เจอ”
ล่าสุด รอสซี่ ร่วงลงไปรั้งอันดับ 6 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ มี 80 คะแนน ตามหลังจ่าฝูงอย่าง มาร์เกซ ถึง 105 คะแนน แถมโดน บีญาเลส ทีมเมทแซงขึ้นไปอยู่ในอันดับ 5 ด้วยคะแนนเหนือกว่า 5 คะแนน
สถานการณ์ของ รอสซี่ จะดีขึ้นหรือไม่? แม้แต่ตัวเขาเองยังยอมรับว่า “การจะเดินทางหน้าต่อด้วยปัญหาเช่นนี้ มันเป็นเรื่องยากสุดๆ”
เขา และทีมโรงงานยามาฮ่า ต้องหาสาเหตุที่ “ยากจะเข้าใจ” นั้นให้เจอ และครึ่งฤดูกาลหลัง “เดอะด็อกเตอร์” จะกลับสู่แถวหน้าได้อีกหรือไม่นั้น ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด…