ยามาฮ่า ออกโรงแสดงความหวั่นใจอย่างตรงไปตรงมา ว่าแค่เพียง “เม็ดเงิน” อย่างเดียวคงไม่พอที่จะรั้ง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร นักบิดตัวเก่งของทีมไว้ได้ หากสิ้นสุดสัญญาฉบับปัจจุบัน มั่นใจปี 2025 จะมอบรถแข่งที่ดีให้ “เอลดิอาโบล” ได้
กวาร์ตาราโร เป็นหนึ่งในนักบิดที่จะหมดสัญญาหลังสิ้นฤดูกาล 2024 นั่นหมายความว่าตลาดนักบิดโมโตจีพี 2025 จะมีความน่าสนใจอย่างมาก โดยค่ายผู้ผลิตทุกทีมสามารถยื่นข้อเสนอให้กับนักบิดที่ดีที่สุดได้
แชมป์โลกปี 2021 ยังคงเป็นนักแข่งที่เนื้อหอมสุดๆ แม้ว่าตัวเขาเองจะเจอปัญหาอย่างมากกับรถแข่ง ยามาฮ่า ในปัจจุบัน
โดย มัสซิโม เมเรกัลลี ผู้อำนวยทีมของ มอนสเตอร์ ยามาฮ่า ยอมรับว่าเขากลัวว่าการที่ มาร์ค มาร์เกซ ย้ายออกจาก ฮอนด้า อาจส่งผลกระทบต่ออนาคตของ ยามาฮ่า และ กวาร์ตาราโร
“ผมกังวลมากว่าปี 2025 จะเป็นยังไง” เมเรกัลลี เผยผ่าน GPOne
“ในมุมนี้เราต้องโน้มน้าวเขาด้วยประสิทธิภาพของรถแข่ง M1 ไม่ใช่ในแง่ของการเงิน”
อย่างไรก็ดี เมเรกัลลี ยืนกรานว่า กวาร์ตาราโร จะไม่มีการย้ายออกจากทีมอย่างน่าตกใจในฤดูกาล 2024
“ในตอนนี้ ผมมองไม่เห็นเลยว่า ฟาบิโอ (กวาร์ตาราโร) จะฉีกสัญญาของทีม”
“อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่เราไม่เข้าใจเรื่องนี้”
ปีนี้เรามีรถแข่งเพียง 2 คันบนกริดสตาร์ท หากเทียบกับ ดูคาติ 8 คัน, เคทีเอ็ม 4 คัน, ฮอนด้า 4 คัน และ อพริเลีย 4 คัน ซึ่งเราถือว่าเป็นรองอย่างมากในแง่การหาข้อมูล
“สำหรับ ยามาฮ่า แล้ว นี่คือสิ่งสำคัญมากที่จะต้องมีมันให้ได้ (ทีมอิสระ) และเราจะต้องทำทุกอย่างสำหรับปี 2025” เมเรกัลลี เผย
“เป็นความจริงที่การมีนักบิดเพียง 2 คน กลายมาเป็นเรื่องยาก เพราะคุณต้องพบว่ามีข้อมูลที่สามารถใช้งานได้เพียงน้อยนิด”
“โชคดีที่รูปแบบการแข่งขันของแต่ละสุดสัปดาห์เปลี่ยนไป (ตารางการซ้อมในวันศุกร์) เพราะก่อนหน้านี้มันคือปัญหาของเรา นั่นทำให้ไม่มีหนทางที่จะทำงานกับรถแข่ง และทุกๆ ช่วงที่ลงสนามนั้นมีผลสำหรับกราควอลิฟาย”
ขณะที่ วีอาร์46 เรซซิ่ง ทีม ของ “เดอะด็อกเตอร์” วาเลนติโน รอสซี่ ยังคงเป็นตัวเลือกหลักของ ยามาฮ่า ในการดึงมาทำทีมอิสระ ทว่าพวกเขายังมีสัญยากับ ดูคาติ ในปี 2024 แต่ “ตำนานชาวอิตาเลียน” ก็เซ็นสัญญามาเป็น “แบรนด์แอมบาสเดอร์” ของ ยามาฮ่า ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ เมเรกัลลี ยืนยันว่า กวาร์ตาราโร จะได้รับรถแข่งที่สามารถเป็น “ผู้ชนะ” ได้ในปี 2025
“นั่นคือเป้าหมายของเรา ชัยชนะไม่ใช่เรื่องรวดเร็วที่จะทำได้ในระบะสั้น” เมเรกัลลี กล่าว
“แต่ตอนนี้ผมคิดว่าเราจะอยู่ในช่วงกลางระหว่างตำแหน่งปัจจุบัน และกลุ่มหัวแถว”