วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา คลิปวีดีโอเหตุการณ์หน้าเส้นชัย ในการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ FMSCT Thailand Road Racing Championship 2024 สนาม 5 ที่สนาม ไทยแลนด์ เซอร์กิต นครไชยศรี สร้างกระแสตีกลับในสังคมอย่างรวดเร็ว

ภาพที่ปรากฏว่อนไปทั่ว “โซเชียล มีเดีย” คือจังหวะการโยกมาชนของรถแข่งหมายเลข 17 จนทำให้คู่แข่งในรถแข่งหมายเลข 29 ล้มลงไปอย่างหนักหน้าเส้นชัยในการแข่งขันรุ่น โปรดักชั่น 150 โปรเฟสชั่นแนล ซึ่งถือคลาสเริ่มต้นของดาวรุ่ง

เหตุการณ์ดังกล่าว… เป็นการดวลกันอย่างดุเดือดเพื่อชิงตำแหน่งผู้ชนะระหว่าง “กัน” พชรกร ทองเกิดหลวง นักบิดวัย 14 ปี เจ้าของรถแข่งหมายเลข 17 จาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม และ”พีไนท์” กันตพัฒน์ แยบการไถ นักบิดรุ่นพี่ในรถแข่งหมายเลข 29

จังหวะเปิดโค้งสุดท้ายมา “กัน-พชรกร” เสียความเร็วในไลน์นอก และกลับมาป้องกันในทางตรงหน้าเส้นชัย ด้วยการเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันตำแหน่งของตัวเอง ก่อนจะชนเข้ากับ “พีไนท์-กันตพัฒน์” อย่างจัง

การชนดังกล่าว… ทำให้ “พีไนท์-กันตพัฒน์” กระเด็นออกจากรถแข่งที่หน้าเส้นชัย และล้มลงข้างแทร็ก ซึ่งภายหลังเจ้าตัวออกมาเปิดเผยว่าไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง

ขณะที่ “กัน-พชรกร” เข้าเส้นชัยเป็นคันแรก พร้อมกับคว้าชัยชนะในเรซนั้นไปครอง และการฉลองด้วยท่าทางสะใจ (ตามอารมณ์ของการแข่งขัน) นี่คือภาพที่ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง…

หลังมีการเผยแพร่คลิปดังกล่าว… ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนักและรวดเร็ว…

จนกระทั่งฝ่ายจัดการแข่งขันออกมาลงโทษหลังจบเรซ ด้วยการปรับ 3 อันดับ จากเหตุการณ์ดังกล่าว ด้วยเหตุผลการขับขี่อันตรายต่อเพื่อนร่วมแทร็ก… (หลายคนมองว่าบทลงโทษเบาเกินไป ควรจะต้องเป็น Disqualify)

ขณะที่ อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม ต้นสังกัดของ “กัน-พชรกร” ได้ออกแถลงการณ์ฉบับแรกในช่วงเย็นวันเสาร์ ใจความสำคัญระบุว่า “ทีมได้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและตัดสินว่า นักบิดหมายเลข 17 ของทีม ขับขี่ด้วยความเสี่ยงและแสดงท่าทาง (การดีใจ) ที่ไม่สุภาพ ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง เป็นสาเหตุให้นักแข่งหมายเลข 29 ล้ม ทาง EEST NJT Racing Team ขอเป็นตัวแทนนักแข่ง ขอให้นักแข่งเบอร์ 29 ปลอดภัยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”

บทลงโทษแรกของทีมคือการห้ามไม่ให้ “กัน-พชรกร” ลงแข่งในสนาม 6 พร้อมยืนยันว่าทีมไม่เคยสอนให้นักแข่งทำการขับขี่อันตรายในสนาม

อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมา… EEST NJT Racing Team ได้ออกแถลงการณ์เพิ่มเติมในวันอาทิตย์ โดยระบุว่า “ทีมรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขออภัยอย่างสูงต่อนักแข่งคู่กรณี”

ขณะเดียวกัน EEST NJT Racing Team ได้ออกมาเพิ่มบทลงโทษ โดยแบนไม่ให้ “กัน-พชรกร” ลงแข่งขันในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของฤดูกาล 2024 ซึ่งทีมเชื่อว่าการลงโทษครั้งนี้จะเป็นบทเรียนให้กับ “นักแข่ง” เพื่อปรับปรุงตัวเองในอนาคต

ในฐานะต้นสังกัด… EEST NJT Racing Team ถือว่าออกมาแสดงท่าทีต่อกระแสและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว…

(ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/uXwpgyChumRFRWUx/ )

แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ “ผู้ใช้โซเชียลมีเดีย” จำนวนมากหยุดการวิพากษ์วิจารณ์ จนนำไปสู่การเผยแพร่ทางสื่อหลักหลายสำนัก

โดยเพจ GUN17 ซึ่งเป็นช่องทางหลักสื่อสารของนักแข่งดาวรุ่ง “กัน-พชรกร” ได้ออกมาโพสต์ข้อความขอโทษ โดยใจความระบุว่า :

“ผมในฐานะผู้ปกครอง ของ เด็กชายพชรกร ทองเกิดหลวง ขออภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงการแข่งขันในรายการ FMSCT Thailand Road Racing Championship สนามที่ 5 ทางผม และ เด็กชายพชรกรฯ เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิด อยากจะขอโทษทาง

1.) นักแข่งหมายเลข 29 นายกันตพัฒน์ แยบการไถ
2.) ทางทีม EEST NJT Racing Team ที่ทำให้เกิดความเสียหายและเสียชื่อเสียง

สุดท้ายนี้ผม และเด็กชายพชรกร ทองเกิดหลวง ได้รับบทเรียนและบทลงโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงอยากจะขอโทษมา ณ ที่นี้อีกครั้งครับ”

(ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/j7N7HBfrvjrVrY49/ )

โดยล่าสุดในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคมนี้ FMSCT : สมาคมกีฬาแข่งรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการอย่างเป็นทางการ โดยในความสำคัญระบุว่า

“สมาคมกีฬาแข่งรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย มิได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้สั่งให้คณะกรรมการจัดการแข่งขันประชุม เพื่อพิจารณาโทษอย่างต่อเนื่อง”

ก่อนจะมีมติออกมาว่า :

  1. สมาคมฯ ได้ประกาศระงับใบอนุญาตขับแข่งของ “กัน-พชรกร” โดยมีผลทันที
  2. งดออกใบอนุญาตขับแข่งให้กับ “กัน-พชรกร” ในปี 2025

พร้อมกันนี้ ยังยืนยันว่า สมาคมฯ มีนโยบายส่งเสริมกีฬาแข่งรถจักรยานยนต์ตั้งแต่ระดับยุวชนจนถึงระดับอาชีพ โดยไม่ส่งเสริมให้เกิดความรุนแรงและเสียหายต่อภาพพจน์ของกีฬาแข่งจักรยานยนต์

(ที่มา : https://www.facebook.com/photo?fbid=1013705357421847&set=a.511896394269415 )

ในอดีตการปะทะกันของนักแข่งหลายคน เกิดขึ้นเสมอจนเป็นที่พูดถึง และถูกวิพากษ์วิจารณ์โจมตีอย่างหนักทั้งในระดับโลก และในประเทศไทย

2 ตัวอย่างที่ขอยกขึ้นมาเป็น “กรณีศึกษา” คือ การปะทะกันของ “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร และ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ เมื่อครั้งที่ทั้งคู่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของไทย… สุดท้ายทั้งคู่ได้เรียนรู้และผ่านประสบการณ์ในระดับอาชีพหลายเวที จนกลับมาจับมือกันได้ในท้ายที่สุด

อีกตัวอย่างคือ การปะทะกันของ “เดอะด็อกเตอร์” วาเลนติโน รอสซี่ ที่กำลังลุ้นแชมป์โลกสมัยที่ 10 ในโมโตจีพี 2015 ที่ปะทะอารมณ์ในสนามกับ มาร์ค มาร์เกซ ดาวรุ่งพุ่งแรงของ โมโตจีพี ในตอนนั้น

จากเหตุการณ์ที่ เซปังฯ ในปี 2015 ส่งผลเสียอย่างมากต่อทั้งคู่ รอสซี่ พลาดแชมป์โลกในปีนั้น แถมยังโดนวิจารณ์อย่างหนักจากภาพที่ออกมาในสนาม

ขณะที่ มาร์เกซ ได้รับความเกลียดชังจำนวนมากจากแฟนๆ ชาวอิตาเลียน รวมถึงแฟนๆ ของ “เดอะด็อกเตอร์” จนถึงขนาดที่โดนบุกด่าถึงบ้านในประเทศสเปน

จนกระทั่งตอนนี้… ทั้งคู่ยังไม่คุย ไม่จับมือกันเลย

เหตุการณ์ของ “กัน-พชรกร” เกิดขึ้นในโลกที่เรามีมาตรฐานด้าน Sportsman Ship (ความมีน้ำใจนักกีฬา) สูงจนถูกระบุเป็นพื้นฐานสำคัญของนักกีฬาทุกระดับ และมีผลต่อการพิจารณาบทลงโทษด้วยเช่นกัน

การถูกโจมตีอย่างหนักจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในยุคที่ “โซเชียล มีเดีย” กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน…

โชคดีของ “กัน-พชรกร” คือคู่กรณีอย่าง “พีไนท์-กันตพัฒน์” ไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง และสามารถลงแข่งขันในวันอาทิตย์ได้ เข้าใจว่าได้มีการขอโทษกันแล้ว

และโชคดีอีกอย่างคือเหตการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงวัยที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ต่างๆ และมีเวลาให้ได้ทบทวนสิ่งต่างๆ ผ่านสิ่งแวดล้อมที่มีผู้ปกครองดูแลอย่างใกล้ชิด…

โทษแบน 17 เดือน มีผลทันที… อาจเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวด… แต่จะเป็นช่วงเวลาล้ำค่าในการทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต และเพื่อตัวเองแกร่งขึ้น เพราะ “กัน-พชรกร” ก็ถือเป็นหนึ่งในนักบิดที่น่าจับตามองของไทย

แต่เด็กหนุ่มวัย 14 ปี ก็ต้องก้าวผ่าน “กระแสสังคม” ครั้งนี้ให้ได้… เพราะนั่นคือหนทางเดียวที่จะทำให้เขายังยืนอยู่ในเส้นทางสายนี้ได้

เหตุการณ์ครั้งนี้… ได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย การตอบสนองอย่างรวดเร็วของ “ทีมต้นสังกัด” และ “สมาคมฯ” ที่กำกับดูแลมาตรฐานการแข่งขันก็ออกมาจัดการอย่างรวดเร็ว…

จากเหตุการณ์นี้ ทุกคนในวงการมอเตอร์สปอร์ต และนักแข่งที่ทำผิดพลาด รวมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะได้เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน…