“เดอะด็อกเตอร์” วาเลนติโน รอสซี่ ดาวบิดอิตาเลียนวัย 40 ปี จาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า ส่วนกลับ มาร์ค มาร์เกซ ว่ารู้ดีถึงการ “ทำลาย” การทำเวลาต่อรอบของตนเอง ในการควอลิฟายที่ มิซาโน เมื่อค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา
มาร์เกซ ขี่ตามหลัง รอสซี่ ในรันสุดท้ายของการควอลิฟายที่ มิซาโน โดยนักบิดสแปนิชตั้งเป้าที่จะกดเวลาต่อรอบในรอบสุดท้ายอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ดี มาร์เกซ ขยับเข้าใกล้ รอสซี่ เป็นอย่างมาก จากนั้นจึงตัดสินใจเสียบแซง รอสซี่ ขึ้นไป ในโค้ง ไฮ-สปีด ทว่า ในโค้งดังกล่าว มาร์เกซ เสียหลักหลุดออกนอก รัน ออฟ แอเรีย ไปแล้ว ทำให้ รอสซี่ ได้โอกาสแซงคืนอีกครั้ง ซึ่งเป็นจังหวะต่อเนื่องให้ทั้งคู่เกือบจะชนกันในโค้งที่ 14 แต่ยังสามารถยกหลบกันได้ โดย มาร์เกซ ได้อกสตาร์ทจากกริดที่ 5 ส่วน รอสซี่ ต้องออกตัวจากกริดที่ 7
ทั้งคู่ถูกเรียกตัวสเข้าพบ เรซ ไดเร็กเตอร์ ในเวลาต่อมาราว 1 ชั่วโมง โดยนับเป็นเหตุการณ์ปะทะกันครั้งล่าสุดของ รอสซี่ และ มาร์เกซ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดดราม่าครั้งสำคัญในปี 2015 ที่ เซปัง
ทว่า รอสซี่ สวนกลับว่า มาร์เกซ นั้นรู้ดีว่าเขาเองได้ทำลายรอบของ รอสซี่ ในจังหวะที่แซงผ่านไป
“มันทำให้ผมนึกถึง อาร์เจนติน่า 2018 อีกครั้ง เมื่อเขาเบียดผมตตกแทร็ก” รอสซี่ กล่าวแบบขำๆ เมื่อถามว่าเหตุการณ์นี้มันทำให้เขานึกถึง เซปัง ในปี 2015 หรือไม่
“ผมกำลังอยู่ในรอบที่ทำเวลา ผมวิ่งแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ และเขาแซงผมในโค้งความเร็วสูง ที่โค้ง 11 มันทำให้ผมเริ่มสูญเสียเวลา”
“แต่ในการแซงผม เขากลับหลุดออกนอกแทร็กไปถึง กรีน โซน ดังนั้นผมจึงพยายามอยู่ไลน์ในมากกว่าเดิม และพยายามแซงคืนที่โค้งหักศอก แต่ผมไปถึงและบานออกไป ท้ายที่สุดเราเสียโอกาสในการทำเวลาทั้งคู่”
“เขาพยายามแซงผมที่ เซอร์โวเน ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาวิ่งอยู่ในรอบของผม (Hot Lap) แถมยังแซงผมจนตัวเองบานออกไปโซนสีเขียว ผมจึงพยายามแซงคืน แต่ก็พลาดบานเช่นกัน”
“ผมรู้เสียใจนะ เพราะจากสิ่งนั้นมันอาจทำให้เกิดเหตุการณ์บางอย่าง ผมเพียงหวังว่าจะทำความเร็วได้มากกว่าเดิมในรอบควอลิฟาย เพื่ออกสตาร์าในแถวหน้า เพราะขีดการต่อสู้ของเราไม่ได้เลวร้าย”
“ผมสตาร์ทจากกริดที่ 7 แต่มันจะเป็นงานที่ยาก เพราะผมรู้ดีว่ามีนักบิดหลายคนที่แข็งแกร่ง”
ขณะที่ มาร์เกซ ตั้งข้อสังเกตุว่า รอสซี่ นั้นขี่ออกนอกแทร็กลิมิตมาแล้วในโค้งก่อนหน้านั้น ทว่า รอสซี่ อธิบายว่าเขาเองก็ไม่ชัวร์ว่าว่าออกนอกแทร็กหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงเค้นต่อไปเพื่อหาเวลาต่อรอบ
“ผมไม่รู้ว่าแตะพื้นที่สีเขียว” รอสซี่ เผย “ผมผลักดันตัวต่อเพื่ออยู่ในการทำเวลา และคิดว่าตัวเองไม่ได้เหยียบกรีนโซน ผมอยู่ในรอบที่ทำความเร็ว เพราะมันคือโอกาสสุดท้าย ซึ่งผมมาเห็นในภายหลังวในเอกสารว่าผมเหยียบบนพื้นที่สีเขียว”